The Portal of Wonderland บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย
The Portal of Wonderland บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย
*****************
แปลโดย Dogdata
*****************
ซือมูไม่ได้ให้ความสำคัญกับเปลือกหอยที่วาววับแต่อย่างใด เขาว่ายน้ำตรงไปยังหินศิลาขนาดใหญ่ยกแขนขึ้นและเกิดเสียง ปัง เขาชกไปที่หินศิลาอย่างรุนแรง มีหมอกเลือดไหลออกมาจากใต้หินศิลา มันหมุนวนรอบตัวเขาราวกับสายฟ้าและสุดท้ายมันก็ซึมเข้าสู่ร่างกาย วิญญาณของเขาเริ่มฟื้นตัวและหลังจากกลั้นหายใจเป็นเวลานานเขาก็สามารถหายใจในทะเลได้อย่างน่าอัศจรรย์ราวกับว่าเขาเป็นปลา
จากนั้นเขาหันกลับไปที่หินศิลาพร้อมกับเดินไปด้านหลังทิ่มแทงด้วยสว่านเหล็กและสิ่วเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เขาต้องการตัดด้านล่างของหินศิลา
ภายในมีแสงสีขาวจางๆ เขาได้เห็นหอยขนาดประมาณโถน้ำขนาดใหญ่ที่ใต้ศิลา มันดูสะอาดเหมือนหยกและสีผิวของมันเหมือนกับแสงจันทร์ที่สุกสกาววาววับ มันมาสามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากหินศิลาขนาดใหญ่ที่ทับอยู่ด้านบนของมัน
ซือมูพยายามขุดเจาะรูที่ด้านหนึ่งของก้นศิลาเหมือนกับต้องการย้ายมันไปตามกระแสของมหาสมุทร
เขาพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายหลุมเป็นชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เขาก็เริ่มหมดแรงและหยุดทำงานจากนั้นเขาทุบ 3 ทีที่ศิลาหินอีกครั้ง ทุกครั้งที่ทุบเหมือนเป็นสัญญาณในการสื่อสารกับหอย
ซึ่งมันเริ่มเรืองแสงออกมาเมื่อทุบมัน จากนั้นก็มีหมอกสีแดงออกมาจากหอยผ่านช่องแคบของหินศิลาออกมาซึมเข้าร่างของซือมูและไม่นานเขาก็สามารถหายใจในน้ำได้อย่างอิสระอีกครั้ง
เขาหยิบเครื่องมือขึ้นมาและขุดต่อไป
ซือมู ค้นพบหอยขาวตัวตัวนี้ติดอยู่ใต้หินศิลานี้มาประมาณสองปีที่แล้ว เขาได้สูดหมอกสีเลือดโดยบังเอิญและมันทำให้เขาประหลาดใจเมื่อได้พบว่ามันทำให้เขาได้รับสถาะพิเศษ (buff) ซึ่งมันทำให้เขาหายใจในน้ำได้ชั่วคราว เขาจึงแน่ใจเลยว่าหอยนี่อาจจะไม่ใช่หอยธรรมดาดังนั้นเขาจึงนำสิ่วและสว่านออกมาจากบ้านเจาะก้นศิลาหินเพื่อปลดปล่อยหอยจากกระถูกพันธนาการ
ดูเหมือนว่าหอยจะมีสติปัญญาที่ชาญฉลาดมันตระหนักถึงการปรากฏตัวและเจตนาของซือมู ทุกครั้งที่เขามีปัญหาเรื่องการหายใจหอยก็จะปลดปล่อยหมอกสีเลือดซึ่งทำให้เขาหายใจออกมาได้อย่างอิสระอีกครั้ง
แม้จะได้ความช่วยเหลือจากหอยแต่มันก็เป็นงานที่ยากมาก ถึงแม้จะหายใจในน้ำได้โดยไม่มีปัญหา แต่เพราะทะเลทำให้เขาใช้กำลังได้ไม่มากนักเนื่องจากความขนาดความหนาและน้ำหนักของศิลาหินจำต้องใช้เวลาถึงสองปีเต็ม
ตลอดเวลา ซือมูเข้าใจว่าหมอกที่ออกมาจากหอยนั้นมีความลึกลับ
ครั้งแรกที่เขาสูดดมหมอกโดยบังเอิญเขาสามารถหายใจในน้ำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นแต่ผ่านไปสองปีขณะนี้เขาได้สูดดมมันมากขึ้นและมันทำให้เขาสามารถหายใจในน้ำได้เกือบๆหนึ่งชั่วโมง
และที่น่าสนใจมากกว่านั้น หมอกแปลกๆนี้มันช่วยให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น
ก่อนหน้านั้นการก้าวหน้าของศิลปะการผ่อนปรนร่างกายของเขาติดขัดเนื่องจากไม่ได้รับสมุนไพร แต่เขาก็ยังก้าวหน้าได้ถึงสามระดับได้จนอยู่ที่ระดับเจ็ด นี่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาเริ่มตระหนักว่าหมอกนี้ยังช่วงเสริมสร้างสติปัญญาทำให้เขาฉลาดขึ้นและมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากว่าเพื่อนๆของเขา
มิฉะนั้นแล้วเด็กที่ถูกจับตัวโดยชายที่สวมชุดสีน้ำเงินก่อนหน้าจะมีความสงบเยือกเย็นได้เช่นนี้?
เขาอยู่ใต้ทะจนดึกตื่นและกลับบ้านที่หมู่บ้านด้วยความเหนื่อยล้า เขาไม่สามารถที่จะพักผ่อนได้หลายวันก่อนจะออกไปทะเลอีกครั้งเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ตอนนี้เขามีเส้นตายซึ่งหมายความว่าเขาต้องรีบเร่งทำให้สำเร็จ
ดังนั้นเขาจึงออกไปยังทะเลในวันที่สองและยังคงทำงานตลอดทั้งวันต่อไปในจนถึงวันที่สาม
เกิดเสียง “บูมมมมมม!!”
หินศิลาขนาดใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนและมีหินก้อนเล็กๆแยกออกมาเป็นจำนวนมาก มันพังทะลายด้วยน้ำหนักของตัวมันเองและเอียงไปยังด้านข้างซึ่งเป็นตามตามคาด หอยขาวเริ่มพยายามหนีออกจากใต้ก้อนหินและความมันวาวโดยรอบของมันขยายตัวและเข้มข้นขึ้น
“อย่างงั้นแหละ อย่างงั้น!” เขาสูดลมหายใจด้วยความตื่นเต้นชื่นชมและยินดีกับภาพที่เห็น
เขาขยับตัวไปอีกฟากเพื่อหลบเลี่ยงเศษหินจากศิลายักที่แตกออกมา เสียงกระหึ่มดังขึ้นและรอยแตกเกิดขึ้นเรื่อยๆครู่หนึ่งศิลาหินแทบพังทะลายเพราะการเคลื่อนที่ของเปลือกหอย เพียงแค่กระแสน้ำกระแทกกับหินยักจากทิศทางที่มันตกลงมาทำให้ก้อนศิลาหินยักเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นและทรุดตัวลง หอยขาวถูกผลักเข้าไปข้างในและถูกขังอีกครั้ง
“ไม่นะ!” ซือมูตะโกนด้วยความโกรธ
เขาดิ่งลงไปบนผืนทรายโดยไม่คิดและใช้เท้าขุดลงไปครึ่งนิ้ว จากนั้นเขาชกหินสองครั้งอย่างต่อเนื่องด้วยวิชาหมัดที่ได้เรียนรู้มา
ได้ยินสองเสียงดังลั่นขณะแรงระเบิดขนาดใหญ่ของเด็กหนุ่มทำให้เกิดกระแสน้ำวน
ศิลาหินยักษ์กำลังแตกสลาย หอยขาวใช้ประโยชน์จากหินที่กำลังร่วงหล่นหย่างช้าเคลื่อนที่หลบหนีอย่างรวดเร็ว มันหายไปในทะเล ด้วยการปกป้องของเด็กชาย
ซือมูตระหนักได้ว่ามือเขารู้สึกเจ็บปวดมากดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ายของเขาตกใจและพ่นเลือดออกมาก่อนหมดสติลงไปบนพื้น
จากนั้นหอยขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้งและเริ่มเปิดเปลือกหอยเผยให้เห็นเด็กสาวถือไข่มุกสีเลือดอยู่ในมือ
เด็กสาวคนนั้นดูเหมือนอายุ 6 – 7 ขวบและสูงเพียง 3 นิ้วเท่านั้น เธอมีผิวที่สว่างไสวแววตากระจ่างใสเหมือนดาวเล็กๆ สวมผ้าพันแผลใบหน้าละเอียดอ่อนของเธอแสดงถึงความขอบคุณอย่างมากขณะที่เธอจ้องเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สติและมีเลือดออกที่มือ
เธอเคลื่อนไหวเล็กน้อยชู ไข่มุกสีเลือด ด้วยมือของเธอ เกิดวงแหวนคลื่นแลงสีเงินกระจายออกมาจากมุกและบินออกไปหมุนวนทั่วทิศทาง
ไม่นานได้ยินเสียงกระเพื่อมเป็นกองทัพเปลือกหอยยกร่างของเด็กชายไปยังพื้นผิวของทะเลในไม่ช้าร่างของเด็กขายก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำ
เปลือกหอยก็หายไปในทะเลอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว
หอยขาวตาชายหนุ่มขึ้นมาพร้อมเปล่งแสงสีเงิน เปลือกหอยได้เปิดขึ้นและเด็กสาวตัวเล็กๆก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เธอเห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่ฟื้นและเกิดความลังเล เธอมองไปที่ไข่มุกใบหน้าของเธอ
บ่งบอกถึงการตัดสินใจทำบางอย่าง เธอชี้ไข่มุกไปยังซือมูมันหมุนวนรอบๆก่อนปล่อยหมอกสีเลือดออกมา
-----------------------
หลายวันต่อมาเด็กสาวก็โผล่มาในทะเลราวๆหมื่นไมล์ เธอโตขึ้นและคล้ายคลึงกับเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกันเธอ เธอกำลังยืนอยู่กับหญิงวัยกลางคนที่สวยงามในชุดคลุมไปรเวทย์สีน้ำเงิน
ทั้งสองยืนอยู่บนหลังเต่าดำขนาดใหญ่ที่กำลังเดินทางด้วยความเร็วราวสายฟ้าบนพื้นผิวทะเลจนเกิดเป็นคลื่นสองสาย
หญิงสาววัยกลางคนจับมือเด็ก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก เธอแสดงถึงความกังวลและพูดซ้ำๆว่า “ลูกข้าเจ้าคงไม่โชคดีถ้าไม่ได้วิ่งเข้ามาหาข้า เจ้าเป็นลูกสาวของ เทพธิดาหอยแห่งสวรรค์ ที่มีความแข็งแกร่งแต่กำเนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบหมื่นปีเท่านั้น ตระกูลทะเลตะวันออกถูกกำหนดไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่ เจ้าชื่ออะไรลูกข้า? ไข่มุกวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ใด? ว่ากันว่าลูกสาวของเทพธิดาหอยแห่งสวรรค์จะถือไข่มุกแห่งชีวิตซึ่งเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์”
“อ่า อ่า” นี่เป็นคำตอบของเด็กสาวตัวเล็กๆที่พยายามพูดด้วยท่าทาง
เด็กสาวพยายามแสดงท่าทางเพื่อตอบคำถามของเธอ
“โอ้งั้นเหรอ ซื่อของเจ้าคือ เจียงซู เจ้าบอกว่าเจ้าใด้ให้ไข่มุกกับใครบางคนที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้งั้นเหรอ ดีมันเป็นสิ่งที่ดีที่จะแสดงความกตัญญู เดี๋ยวก่อน ! คนที่ช่วยชีวิตเจ้าเป็นมนุษย์ และยังเป็นผู้ชาย เจ้าต้องจำไว้ว่าในดินแดนนี้ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าไว้ใจ ครั้งต่อไปที่เจ้าเห็นพวกมันเจ้าต้องฆ่าทันที มากับข้าเราจะไปนำไข่มุกกลับมา มีอะไร? ไขมุกวิญญาณได้รับความเสียหายเนื่องจากมันปนเปื้อนเลือดประหลาดที่อยู่ก้นทะเลตั้งแต่นั้นมามันก็พลังมันจึงลดลง? เอาล่ะในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ปล่อยเจ้ามนุษย์นั้นไปก่อน แต่จำไว้เจ้าจะต้องไม่พบเจอมันอีกครั้ง” หญิงสาวกล่าว
เต่าตัวมหึมาพาพวกเขาห่างออกไป ห่างออกไป ห่างออกไป จนลับสายตาไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงอีกต่อไป
-----------------------------
ขณะที่เขานอนหมดสติอยู่ร่างของชือมูถูกแผดเผาด้วยไข้ [หมายถึงตัวร้อนไม่สบายอ่ะแหละ] ปากและลิ้นของเขาแห้งแหบ ทันใดนั้นเขากระโจนออกจากห้องนอนและลุกขึ้นนั่งพร้อมตะโกน และเมื่อเขาได้สติเขาพบว่าไม่ได้อยู่ก้นทะเลแต่กลับอยู่บนชายหาด เขามองดูที่มือและตื่นตะลึง มันผิวที่ฉีกขาดแผลเปื้อนเลือดบนมือถูกแทนที่ด้วยผิวที่เรียบเนียนราวกับทารก
เขารู้สึกแปลกๆในร่างกายของเขาราวกับว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เขารู้สึกว่าเลือดของเขาไหลออกจากร่างและช่วงเวลาหนึ่งก็มีบางอย่างเข้ามา เขาเริ่มสำรวจร่างกายของเขา เขาพบลูกบอลคริสตัลอยู่ข้างหน้าอกของเขาขนาดของมันเท่าหัวแม่มือเขาเกิดอาการมึนงง
“นี่คือ!!!”
เขารู้สึกสงสัย เขาได้เคยมีสมบัติอะไรแบบนี้ติดตัวมา
ซือมูไม่ได้ตระหนักเลยว่าหมอกสีเลือดนั้นไม่ได้ออกมาจากหอยที่อยู่ในธรรมชาติแท้จริงมันออกมาจากไข่มุก
มีเพียง 1 ส่วน 10 ของหมอกสีเลือดเท่านั้นที่เขาสูดเข้าในขณะอยู่ใต้น้ำเด็กสาวฝืนบังคับให้มันแสดงออกมาเพื่อรักษาแผลของเด็กหนุ่ม ไข่มุกได้สูญเสียพลังไปในช่วงที่หญิงสาวใช้หยุดยั้งเลือดประหลาดในตอนนั้นและตอนนี้มันไม่มีอะไรเลยนอกจากไข่มุกอันเป็นประกายที่หายากชิ้นนึง ที่เป็นเหตุผลที่เด็กสาวทิ้งมันไว้กับเด็กหนุ่ม
ซือมูควงไข่มุกไปมาในมือพร้อมชื่นชมความงามของมัน ทั้งรูปร่างลักษณะขนาดมันทำให้เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอนหลังจากชื่นชมไม่นานเขาก็ซ่อนมันไว้ในเสื้อผ้าเพื่อความปลอดภัย
ผ่านไปไม่นานเขาก็กระโดดออกจากบ้านวิ่งไปยังทะเลอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่าหอยนั้นได้หลบหนีจากใต้ก้อนหินได้สำเร็จหรือไม่ และเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อที่จะไม่ต้องมีความรู้สึกกังวล
สามวันต่อมาชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็กลับมาอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับซือมู หลังจากนั้นรถม้าสีดำก็ขับออกจากหมู่บ้านชาวประมงมุ่งหน้าไปทิศทางของเมือง เฟิง
จบ บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย
โปรดติดตามตอนต่อไป The Portal of Wonderland บทที่ 3
EmoticonEmoticon