Quan zhi fa shi เชียนจอมเวทย์ทะลุมิติ อรัมภบท


Quan zhi fa shi เชียนจอมเวทย์ทะลุมิติ อรัมภบท

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

เขาตื่นขึ้นมาในโลกที่คุ้นเคยแต่กลับมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ในโรงเรียนเดียวกันนั้นจู่กลับกลายเป็นโรงเรียนสอนเวทย์มนต์ไปซะได้และต้องการสนับสนุนให้ทุกคนกลายเป็นจอมเวทย์ที่ดี

นอกเมืองมีมอนส์เตอร์และสัตว์ร้ายจำนวนมากที่จู่โจมทำร้ายมนุษย์

โลกแห่งวิทยาศาสตร์อันก้าวหน้าได้เปลี่ยนไปเป็นโลกแห่งเวทย์มนต์ความใฝ่ฝันของเขาในโลกก่อนหน้าก็ยังคงเช่นเดิมด้วยความที่พ่อโดนกดขี่และดิ้นรนเพื่อความก้าวหน้าหาเลี้ยงลูกทำให้เขาต้องการต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี

อย่างไรก็ตาม มู่ฝาน พบว่าทุกคนมีเพียงธาตุเดียวอยู่ในตัวเท่านั้นในขณะที่เขามีถึงสองธาตุ

ติดตามตอนต่อไป Quan zhi fa shi เชียนจอมเวทย์ทะลุมิติ ตอนที่ 1

The Portal of Wonderland บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย



The Portal of Wonderland บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

ซือมูไม่ได้ให้ความสำคัญกับเปลือกหอยที่วาววับแต่อย่างใด เขาว่ายน้ำตรงไปยังหินศิลาขนาดใหญ่ยกแขนขึ้นและเกิดเสียง ปัง เขาชกไปที่หินศิลาอย่างรุนแรง มีหมอกเลือดไหลออกมาจากใต้หินศิลา มันหมุนวนรอบตัวเขาราวกับสายฟ้าและสุดท้ายมันก็ซึมเข้าสู่ร่างกาย วิญญาณของเขาเริ่มฟื้นตัวและหลังจากกลั้นหายใจเป็นเวลานานเขาก็สามารถหายใจในทะเลได้อย่างน่าอัศจรรย์ราวกับว่าเขาเป็นปลา

จากนั้นเขาหันกลับไปที่หินศิลาพร้อมกับเดินไปด้านหลังทิ่มแทงด้วยสว่านเหล็กและสิ่วเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เขาต้องการตัดด้านล่างของหินศิลา

ภายในมีแสงสีขาวจางๆ เขาได้เห็นหอยขนาดประมาณโถน้ำขนาดใหญ่ที่ใต้ศิลา มันดูสะอาดเหมือนหยกและสีผิวของมันเหมือนกับแสงจันทร์ที่สุกสกาววาววับ มันมาสามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากหินศิลาขนาดใหญ่ที่ทับอยู่ด้านบนของมัน

ซือมูพยายามขุดเจาะรูที่ด้านหนึ่งของก้นศิลาเหมือนกับต้องการย้ายมันไปตามกระแสของมหาสมุทร

เขาพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายหลุมเป็นชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เขาก็เริ่มหมดแรงและหยุดทำงานจากนั้นเขาทุบ 3 ทีที่ศิลาหินอีกครั้ง ทุกครั้งที่ทุบเหมือนเป็นสัญญาณในการสื่อสารกับหอย

ซึ่งมันเริ่มเรืองแสงออกมาเมื่อทุบมัน จากนั้นก็มีหมอกสีแดงออกมาจากหอยผ่านช่องแคบของหินศิลาออกมาซึมเข้าร่างของซือมูและไม่นานเขาก็สามารถหายใจในน้ำได้อย่างอิสระอีกครั้ง

เขาหยิบเครื่องมือขึ้นมาและขุดต่อไป

ซือมู ค้นพบหอยขาวตัวตัวนี้ติดอยู่ใต้หินศิลานี้มาประมาณสองปีที่แล้ว เขาได้สูดหมอกสีเลือดโดยบังเอิญและมันทำให้เขาประหลาดใจเมื่อได้พบว่ามันทำให้เขาได้รับสถาะพิเศษ (buff) ซึ่งมันทำให้เขาหายใจในน้ำได้ชั่วคราว เขาจึงแน่ใจเลยว่าหอยนี่อาจจะไม่ใช่หอยธรรมดาดังนั้นเขาจึงนำสิ่วและสว่านออกมาจากบ้านเจาะก้นศิลาหินเพื่อปลดปล่อยหอยจากกระถูกพันธนาการ

ดูเหมือนว่าหอยจะมีสติปัญญาที่ชาญฉลาดมันตระหนักถึงการปรากฏตัวและเจตนาของซือมู ทุกครั้งที่เขามีปัญหาเรื่องการหายใจหอยก็จะปลดปล่อยหมอกสีเลือดซึ่งทำให้เขาหายใจออกมาได้อย่างอิสระอีกครั้ง

แม้จะได้ความช่วยเหลือจากหอยแต่มันก็เป็นงานที่ยากมาก ถึงแม้จะหายใจในน้ำได้โดยไม่มีปัญหา แต่เพราะทะเลทำให้เขาใช้กำลังได้ไม่มากนักเนื่องจากความขนาดความหนาและน้ำหนักของศิลาหินจำต้องใช้เวลาถึงสองปีเต็ม

ตลอดเวลา ซือมูเข้าใจว่าหมอกที่ออกมาจากหอยนั้นมีความลึกลับ

ครั้งแรกที่เขาสูดดมหมอกโดยบังเอิญเขาสามารถหายใจในน้ำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นแต่ผ่านไปสองปีขณะนี้เขาได้สูดดมมันมากขึ้นและมันทำให้เขาสามารถหายใจในน้ำได้เกือบๆหนึ่งชั่วโมง

และที่น่าสนใจมากกว่านั้น หมอกแปลกๆนี้มันช่วยให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น

ก่อนหน้านั้นการก้าวหน้าของศิลปะการผ่อนปรนร่างกายของเขาติดขัดเนื่องจากไม่ได้รับสมุนไพร แต่เขาก็ยังก้าวหน้าได้ถึงสามระดับได้จนอยู่ที่ระดับเจ็ด นี่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาเริ่มตระหนักว่าหมอกนี้ยังช่วงเสริมสร้างสติปัญญาทำให้เขาฉลาดขึ้นและมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากว่าเพื่อนๆของเขา

มิฉะนั้นแล้วเด็กที่ถูกจับตัวโดยชายที่สวมชุดสีน้ำเงินก่อนหน้าจะมีความสงบเยือกเย็นได้เช่นนี้?

เขาอยู่ใต้ทะจนดึกตื่นและกลับบ้านที่หมู่บ้านด้วยความเหนื่อยล้า เขาไม่สามารถที่จะพักผ่อนได้หลายวันก่อนจะออกไปทะเลอีกครั้งเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ตอนนี้เขามีเส้นตายซึ่งหมายความว่าเขาต้องรีบเร่งทำให้สำเร็จ

ดังนั้นเขาจึงออกไปยังทะเลในวันที่สองและยังคงทำงานตลอดทั้งวันต่อไปในจนถึงวันที่สาม

เกิดเสียง “บูมมมมมม!!”

หินศิลาขนาดใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนและมีหินก้อนเล็กๆแยกออกมาเป็นจำนวนมาก มันพังทะลายด้วยน้ำหนักของตัวมันเองและเอียงไปยังด้านข้างซึ่งเป็นตามตามคาด หอยขาวเริ่มพยายามหนีออกจากใต้ก้อนหินและความมันวาวโดยรอบของมันขยายตัวและเข้มข้นขึ้น

“อย่างงั้นแหละ อย่างงั้น!” เขาสูดลมหายใจด้วยความตื่นเต้นชื่นชมและยินดีกับภาพที่เห็น

เขาขยับตัวไปอีกฟากเพื่อหลบเลี่ยงเศษหินจากศิลายักที่แตกออกมา เสียงกระหึ่มดังขึ้นและรอยแตกเกิดขึ้นเรื่อยๆครู่หนึ่งศิลาหินแทบพังทะลายเพราะการเคลื่อนที่ของเปลือกหอย เพียงแค่กระแสน้ำกระแทกกับหินยักจากทิศทางที่มันตกลงมาทำให้ก้อนศิลาหินยักเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นและทรุดตัวลง หอยขาวถูกผลักเข้าไปข้างในและถูกขังอีกครั้ง

“ไม่นะ!” ซือมูตะโกนด้วยความโกรธ

เขาดิ่งลงไปบนผืนทรายโดยไม่คิดและใช้เท้าขุดลงไปครึ่งนิ้ว จากนั้นเขาชกหินสองครั้งอย่างต่อเนื่องด้วยวิชาหมัดที่ได้เรียนรู้มา

ได้ยินสองเสียงดังลั่นขณะแรงระเบิดขนาดใหญ่ของเด็กหนุ่มทำให้เกิดกระแสน้ำวน

ศิลาหินยักษ์กำลังแตกสลาย หอยขาวใช้ประโยชน์จากหินที่กำลังร่วงหล่นหย่างช้าเคลื่อนที่หลบหนีอย่างรวดเร็ว มันหายไปในทะเล ด้วยการปกป้องของเด็กชาย

ซือมูตระหนักได้ว่ามือเขารู้สึกเจ็บปวดมากดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ายของเขาตกใจและพ่นเลือดออกมาก่อนหมดสติลงไปบนพื้น

จากนั้นหอยขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้งและเริ่มเปิดเปลือกหอยเผยให้เห็นเด็กสาวถือไข่มุกสีเลือดอยู่ในมือ

เด็กสาวคนนั้นดูเหมือนอายุ 6 – 7 ขวบและสูงเพียง 3 นิ้วเท่านั้น เธอมีผิวที่สว่างไสวแววตากระจ่างใสเหมือนดาวเล็กๆ สวมผ้าพันแผลใบหน้าละเอียดอ่อนของเธอแสดงถึงความขอบคุณอย่างมากขณะที่เธอจ้องเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สติและมีเลือดออกที่มือ

เธอเคลื่อนไหวเล็กน้อยชู ไข่มุกสีเลือด ด้วยมือของเธอ เกิดวงแหวนคลื่นแลงสีเงินกระจายออกมาจากมุกและบินออกไปหมุนวนทั่วทิศทาง

ไม่นานได้ยินเสียงกระเพื่อมเป็นกองทัพเปลือกหอยยกร่างของเด็กชายไปยังพื้นผิวของทะเลในไม่ช้าร่างของเด็กขายก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำ

เปลือกหอยก็หายไปในทะเลอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว

หอยขาวตาชายหนุ่มขึ้นมาพร้อมเปล่งแสงสีเงิน เปลือกหอยได้เปิดขึ้นและเด็กสาวตัวเล็กๆก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เธอเห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่ฟื้นและเกิดความลังเล เธอมองไปที่ไข่มุกใบหน้าของเธอ

บ่งบอกถึงการตัดสินใจทำบางอย่าง เธอชี้ไข่มุกไปยังซือมูมันหมุนวนรอบๆก่อนปล่อยหมอกสีเลือดออกมา

-----------------------

หลายวันต่อมาเด็กสาวก็โผล่มาในทะเลราวๆหมื่นไมล์ เธอโตขึ้นและคล้ายคลึงกับเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกันเธอ เธอกำลังยืนอยู่กับหญิงวัยกลางคนที่สวยงามในชุดคลุมไปรเวทย์สีน้ำเงิน

ทั้งสองยืนอยู่บนหลังเต่าดำขนาดใหญ่ที่กำลังเดินทางด้วยความเร็วราวสายฟ้าบนพื้นผิวทะเลจนเกิดเป็นคลื่นสองสาย

หญิงสาววัยกลางคนจับมือเด็ก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก เธอแสดงถึงความกังวลและพูดซ้ำๆว่า “ลูกข้าเจ้าคงไม่โชคดีถ้าไม่ได้วิ่งเข้ามาหาข้า เจ้าเป็นลูกสาวของ เทพธิดาหอยแห่งสวรรค์ ที่มีความแข็งแกร่งแต่กำเนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบหมื่นปีเท่านั้น ตระกูลทะเลตะวันออกถูกกำหนดไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่ เจ้าชื่ออะไรลูกข้า? ไข่มุกวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ใด? ว่ากันว่าลูกสาวของเทพธิดาหอยแห่งสวรรค์จะถือไข่มุกแห่งชีวิตซึ่งเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์”

“อ่า อ่า” นี่เป็นคำตอบของเด็กสาวตัวเล็กๆที่พยายามพูดด้วยท่าทาง

เด็กสาวพยายามแสดงท่าทางเพื่อตอบคำถามของเธอ

“โอ้งั้นเหรอ ซื่อของเจ้าคือ เจียงซู เจ้าบอกว่าเจ้าใด้ให้ไข่มุกกับใครบางคนที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้งั้นเหรอ ดีมันเป็นสิ่งที่ดีที่จะแสดงความกตัญญู เดี๋ยวก่อน ! คนที่ช่วยชีวิตเจ้าเป็นมนุษย์ และยังเป็นผู้ชาย เจ้าต้องจำไว้ว่าในดินแดนนี้ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าไว้ใจ ครั้งต่อไปที่เจ้าเห็นพวกมันเจ้าต้องฆ่าทันที มากับข้าเราจะไปนำไข่มุกกลับมา มีอะไร? ไขมุกวิญญาณได้รับความเสียหายเนื่องจากมันปนเปื้อนเลือดประหลาดที่อยู่ก้นทะเลตั้งแต่นั้นมามันก็พลังมันจึงลดลง? เอาล่ะในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ปล่อยเจ้ามนุษย์นั้นไปก่อน แต่จำไว้เจ้าจะต้องไม่พบเจอมันอีกครั้ง” หญิงสาวกล่าว

เต่าตัวมหึมาพาพวกเขาห่างออกไป ห่างออกไป ห่างออกไป จนลับสายตาไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงอีกต่อไป

-----------------------------

ขณะที่เขานอนหมดสติอยู่ร่างของชือมูถูกแผดเผาด้วยไข้ [หมายถึงตัวร้อนไม่สบายอ่ะแหละ] ปากและลิ้นของเขาแห้งแหบ ทันใดนั้นเขากระโจนออกจากห้องนอนและลุกขึ้นนั่งพร้อมตะโกน และเมื่อเขาได้สติเขาพบว่าไม่ได้อยู่ก้นทะเลแต่กลับอยู่บนชายหาด เขามองดูที่มือและตื่นตะลึง มันผิวที่ฉีกขาดแผลเปื้อนเลือดบนมือถูกแทนที่ด้วยผิวที่เรียบเนียนราวกับทารก

เขารู้สึกแปลกๆในร่างกายของเขาราวกับว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เขารู้สึกว่าเลือดของเขาไหลออกจากร่างและช่วงเวลาหนึ่งก็มีบางอย่างเข้ามา เขาเริ่มสำรวจร่างกายของเขา เขาพบลูกบอลคริสตัลอยู่ข้างหน้าอกของเขาขนาดของมันเท่าหัวแม่มือเขาเกิดอาการมึนงง

“นี่คือ!!!”

เขารู้สึกสงสัย เขาได้เคยมีสมบัติอะไรแบบนี้ติดตัวมา

ซือมูไม่ได้ตระหนักเลยว่าหมอกสีเลือดนั้นไม่ได้ออกมาจากหอยที่อยู่ในธรรมชาติแท้จริงมันออกมาจากไข่มุก

มีเพียง 1 ส่วน 10 ของหมอกสีเลือดเท่านั้นที่เขาสูดเข้าในขณะอยู่ใต้น้ำเด็กสาวฝืนบังคับให้มันแสดงออกมาเพื่อรักษาแผลของเด็กหนุ่ม ไข่มุกได้สูญเสียพลังไปในช่วงที่หญิงสาวใช้หยุดยั้งเลือดประหลาดในตอนนั้นและตอนนี้มันไม่มีอะไรเลยนอกจากไข่มุกอันเป็นประกายที่หายากชิ้นนึง ที่เป็นเหตุผลที่เด็กสาวทิ้งมันไว้กับเด็กหนุ่ม

ซือมูควงไข่มุกไปมาในมือพร้อมชื่นชมความงามของมัน ทั้งรูปร่างลักษณะขนาดมันทำให้เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอนหลังจากชื่นชมไม่นานเขาก็ซ่อนมันไว้ในเสื้อผ้าเพื่อความปลอดภัย

ผ่านไปไม่นานเขาก็กระโดดออกจากบ้านวิ่งไปยังทะเลอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่าหอยนั้นได้หลบหนีจากใต้ก้อนหินได้สำเร็จหรือไม่ และเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อที่จะไม่ต้องมีความรู้สึกกังวล

สามวันต่อมาชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็กลับมาอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับซือมู หลังจากนั้นรถม้าสีดำก็ขับออกจากหมู่บ้านชาวประมงมุ่งหน้าไปทิศทางของเมือง เฟิง

จบ บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย

โปรดติดตามตอนต่อไป The Portal of Wonderland บทที่ 3

The Portal of Wonderland บทที่ 1 – เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง


The Portal of Wonderland บทที่ 1 – เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

ณ หมู่บ้านชาวประมงที่ห่างไกลในเฉียนโจว จังหวัดไคเหยียนในยุคของราชอาณาจักรสวรรค์ ดาฉี

รถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราล้อมรอบข้างนอกกระท่อมไม้โทรมๆในขณะที่ชายฉกรรจ์ติดอาวุธในชุดคลุมสีดำหลายคนยืนเฝ้าอยู่รอบ ๆ ชาวบ้านต่างพากันตื่นเต้นในที่เกิดเหตุ กระซิบกระซาบพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา

"พวกเขาเหล้านั้นจริงๆแล้วมาจากตระกูลจินรึป่าว? ตระกูลจิน แห่งเมืองเฟิงใช่มั้ย?”

“ใช่ถ้าข้ามองไม่ผิด เห็นนั่นมั้ย? ลายถักสีทองบนเสื้อคลุมของพวกเค้า ไม่มีตระกูลไหนในจังหวัดไคเหยียน ใช้นอกจากตระกูลจิน”

“ไม่น่าเชื่อ! ตั้งแต่นั้นมาไม่มีรู้ข่าวของ ซือติง ในช่วงสิบปีก่อนหน้านั้นเขาทิ้งลูกและภรรยาไปผู้คนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้ว อาจจะป่วยตายอยู่ภายในดินแดนที่ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้เขาได้เข้าร่วมกับตระกูลจินและส่งคนมารับ ซือมู ลูกชายของเขา น่าเศร้าที่ของเขาตายไปแล้ว ไม่งั้นเธอคงได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตใหม่ที่มั่งคั่งและอยู่ดีกินดี”

“ความมั่งคั่งและกินดีอยู่ดี? มันไม่น่าเป็นไปได้ ข้าแอบได้ยินนายทหารของตระกูลจินกล่าวว่า ซือติง เป็นลูกเขยตระกูลจินและเข้าคงไม่กล้าส่งคนไปรับ สือมู หรอกถ้าแม่ของเด็กยังมีชีวิตอยู่”


“จะยังไงก็ช่าง ชีวิตอันแสนลำบากของ ซือมู ก็คงจบลงเขาเป็นเด็กกำพร้าจวบจนถึงเมื่อวานนี้ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปเขาจะได้กลายมาเป็นนายน้อย”

------------

“พ่อของข้านอนอยู่บนเตียงแล้วป่วยหนักแล้วข้ายังมีน้องสาวที่ข้าไม่รู้จักอีก?” ซือมู ถามชายชราที่สวมเสื้อสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เกี่ยวกับเรื่องเหลือเชื่อที่ได้ยิน

ดวงอาทิตย์ที่รุนแรงและลมจากมหาสมุทรได้เปลี่ยนผิวของเขาเป็นสีแดงเข้มทำให้เขาดูโตกว่าอายุสิบสาม ลักษณะของเขาดูแข็งแรงทำให้เขาโดดเด่นกว่าเพื่อนๆของเขา เสื้อคลุมโกโรโกโสได้อำพลางสัดส่วนและความกำยำของกล้ามเนื้อของเขาเล็กน้อยบวกกับกลิ่นอายที่ดูดุร้าย

“ถูกต้อง ด้วยโรคร้ายบางทีนายท่านอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เป็นสาเหตุให้ข้ามาที่นี่ นายหญิงขอให้ข้ามาพานายน้อยซือกลับไปกับข้าเข้าพบนายท่านก่อนจะจากไป” ชายคนนั้นยิ้มตอบคำถามอย่างอ่อนโยน

“นายหญิงที่ท่านพูดหมายถึงใคร? พ่อข้าทอดทิ้งข้าและแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านไปหลายปีแล้วเขายังไม่กลับมาหาข้า ท่านคงต้องล้มเลิก เพราะข้าจะไม่ไปที่ตระกูลจินกับท่าน” เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองโดยไม่มีความลังเล

“อนิจจา! ข้าเกรงว่านายน้อยซือจะเข้าใจนายท่านผิด นายท่านมีปัญหามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถกลับมาหานายน้อยซือได้ มันเป็นความต้องการสูงสุดของนายท่านที่จะพบนายน้อยเพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจผิดในอดีต” คนรับใช้แก่พยายามอธิบาย

“ฮึ! คนคนนั้นได้ทิ้งครอบครัวของตัวเอง ไม่มีอะไรที่ท่านพูดแล้วจะเปลี่ยนความจริงนี้ได้ ท่านควรล้มเลิกแล้วจากไป”เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทางเย็นชา

ชายชราที่สวมเสื้อสีน้ำเงินดูเหมือนจะอยู่ในสถานะกระอักกระอ่วม เขาขมวดคิ้วเข้ามาใกล้ๆและพูดเมื่อเขาสังเกตเห็นลักษณะของขายหนุ่ม เสียงของเขาให้ความรู้สึกเด็ดขาด

“ยาที่นายน้อยซือซื้อจากร้านขายยาในเมืองราคาถูกอย่างไร้เหตุผล? นอกจากนี้ครูที่ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ของเมืองยังเรียกเก็บเงินกับนายน้อยถูกกว่านักเรียนคนอื่นๆ? ไม่ลืมว่าปลาที่นายน้อยขายได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อยามที่นายน้อยซือมาถึงตลาดของเมือง?ไม่เพียงแค่นั้นยังไม่มีลูกค้ารายใดบ่นเรื่องราคาปลา?”

“ท่านหมายความว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะคนคนนั้น?” เด็กชายถามขึ้นด้วยความตื่นตะลึง

“ข้าไม่ทรายว่าเป็นความคิดของนายท่านรึป่าว อย่างไรก็ตามนายหญิงได้เป็นคนขอร้องเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”คนรับใช้ตอบด้วยรอยยิ้ม

คำพูดนั้นดูเหมือนจะส่งผลต่อเด็กหนุ่มและเขาก็อยู่ตกในสภาพปั่นป่วนและว้าวุ่น

“ข้าขอถามนายน้อย นายน้อยยังเรียน ศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย อยู่หรือไม่? ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายต้องต้องการเป็นนักรบที่แท้จริง นายหญิงท่านใจดีมากพอที่จะเสนอโอกาสให้นายน้อยซือเข้ารับการทดสอบลงทะเบียนของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ไคเหยียน ตราบเท่าที่นายน้อยตกลงไปพบนายท่าน แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วการเข้าเรียนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนายน้อย”ชายคนนั้นค่อยๆวางการ์ดไว้บนโตะ

“โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ไคเหยียน” เด็กชายพูดย้ำๆพลางตะลึง เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆในวันสิบสามเขาได้รับการกระตุ้นด้วยสิ่งล่อตาล่อใจดังกล่าว

ในฐานะนักเรียนศิลปะการต่อสู้ข้าแน่ใจว่านายน้อยต้องรู้แน่ว่าโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ไคเหยียน เป็นหนึ่งในสี่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและจะมีการลงทะเบียนนักเรียนทุกๆ 5 ปี ผู้สมัครจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญสองข้อเพื่อให้เข้าสอบ ข้อแรก ผู้สมัครต้องสำเร็จ ศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย ก่อนอายุ 15 ปี ข้อสอง ผู้สมัครต้องเข้าใจเนื้อแท้ของ ปราณ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้สมัครจะสามารถบ่มเพาะปราณแท้จริง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะสามารถไหลเวียนปราณได้อย่างต่อเนื่องผ่านเส้นปราณเมอริเดียน มันเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตามไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจเนื้อแท้ของปราณ ยาหลิงชี จะกระตุ้นให้ปราณมีสถานะยืดหยุ่น และยาตัวนี้ก็ราคาแพงเสียด้วย แม้แต่ในตระกูลจินก็ยังซื้อได้ครั้งละแค่เพียง 10 เม็ดเท่านั้น ข้าเป็นห่วงความใฝ่ฝันของนายน้อย ได้โปรดทำตามที่ใจท่านปรารถนา”ชายชรากล่าวอย่างช้าๆและเชื่อมั่นว่าคำพูดของเขาจะชักจูงนายน้อยได้

เด็กหนุ่มเงียบไปเป็นเวลานานและในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ

“ให้พวกท่านมาใหม่ ในอีกสามวันข้าถึงให้คำตอบ”

“เยี่ยม แล้วอีกสามวันข้าจะกลับมาพร้อมกับรอฟังข่าวดี”ชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินกล่าว

เข้ารู้สึกว่าเด็กคนนั้นได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วเขาโค้งคำนับเล็กน้อยและไม่นานก็จากไป

-------------

“หัวหน้า เฉิง ทำไมเราถึงกลับโดยที่ไม่มีเขา? ทำไมเราไม่ใช้กำลังบังคับพาเขากลับไปพวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” ผู้ขับรถม้าสังเกตเห็นหลังจากที่พวกเขาออกจากหมู่บ้าน

“เหลวไหล! เขาอาจไม่ใช่ลูกชายของนายหญิง แต่นายน้อยซือเป็นลูกชายทางสายเลือดของนายท่าน เราได้รับการขอร้องให้พาเขามาอย่างปลอดภัยและด้วยความตั้งใจของเขาเอง การทำให้นายท่านเสียใจเหมือนทำให้งานของเราล้มเหลว โดยให้คิดถึงอารมณ์ของนายหญิง”ชายชุดคลุมสีน้ำเงินโกรธเคือง

“อ่า ขออภัย ข้าน้อยช่างโง่เขลานัก” ผู้ขับรถม้าพึมพำ

ทันใดนั้นมีเงาสายหนึ่งจากระยะไกล คนดังกล่าวใส่ชุดคลุมสีดำกำลังควบม้าเข้าไปหาคนรับใช้ชราและโค้งคำนับ

“หัวหน้า เฉิง เราได้พบนักรบของเปียวที่ส่งมาโดยนายท่านลำดับที่ 5 เราควรทำอย่างไรดี ” เขาถาม

“ฮึ! หมายความว่านายท่านลำดับที่ 5 ยังวางแผนอะไรซักอย่างอยู่ เจ้าไม่สามารถจัดการกับนักรบของเปียวได้ ข้าจะจัดการพวกมันเอง บอกทางให้แก่ข้าส่วนคนอื่นๆรออยู่ที่นี่ ข้าจะไปจบแผนการโง่ๆนั่นเอง”ชายแก่ขมวดคิ้ว

“รับทราบ” ผู้ควบม้าดังกล่าวบอกเส้นทางเดินกลับเข้าไปในป่าตามเส้นทางที่เขาได้จากมา

ช้าเสื้อคลุมสีน้ำเงินกระโดดลงจากหลังม้าด้วยร่างที่เหมือนกับขนนก เขาหายตัวไปภายในเวลาชั่วครู่ขณะคนควบรถม้าคนอื่นๆที่มาพร้อมรถลากไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว

-------------------------

ช่วงเวลายามราตรีซือมูคุกเข่าอยู่หน้าหลุมฝังศพนอกหมู่บ้านบนเนินเขาไร้ชื่อ แสงจันทร์สาดส่องลงบนป้ายหินสีเหลืองซึ่งอ่านได้ว่า “หลุมฝังศพของภรรยาตระกูลซือ ซือหวัง”

“ถึงท่านแม่ ท่านอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด พ่อยังไม่ตาย เขาแต่งงานกับครอบครัวอื่นในดินแดนที่ไม่รู้จัก แต่โปรดอย่ากังวลเพราะข้าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน พ่อได้โกหกท่านเขาบอกว่าเขาต้องการแสวงหาศิลปะการต่อสู้ แต่ข้าจะไปเป็นนักรบที่แท้จริง ลูกชายของท่านจะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อที่จะให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบชั่วนิรันดร์ ”

เด็กหนุ่มพึมพำพึมพำหน้าหลุมศพแม่ของเขาก่อนจะลุกยืนขึ้น และยืดเส้นยืดสายก่อนจะเริ่มฝึกซ้อมในจุดๆเดียวกัน

ถ้ามีคนกำลังเฝ้ามองเขาจากระยะไกล จะเห็นว่าร่างกายของเขาราวกับเสือโคร่ง การเคลื่อนไหวของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านไม่ไม่กี่วินาทีได้ยินเสียงกระดูกดังแคร๊กจากระยะไกล ไม่ช้าละอองฝุ่นที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของจนเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่านั่นคือมนุษย์

วิชชชช....

เขาเริ่มชาร์จและโจมตีออกไปจากวงล้อมของฝุ่นควันและเจาะลำต้นหนาๆของต้นไม้ไกล้ๆ ปัง!! ต้นไม้สั่นสะเทือนเกิดการระเบิดและมีเสียงสะท้อนดังสนั่นออกมา เหล่าใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจำนวนหนึ่งและรอยกำปั้นได้ประทับอยู่กลางลำต้นของต้นไม้

ซือมูยกคิ้วขึ้นเขาสังเกตเห็นรอยประทับที่เกิดจากกำปั้นของเขาที่ถูกทิ้งไว้บนต้นไม้

การเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้เป็นเทคนิคแรกที่ได้รับการสอนในโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ในเมือง นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมมากที่สุดในทักษะ ศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย ในราชอาณาจักรสวรรค์ ดาฉี อาจารย์ผู้สอนบอกเขาว่าต้องอยู่ในระดับที่เจ็ดของศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย ซึ่งหมายความว่าต้องผ่านอีกสองระดับถึงจะสามารถสัมผัสถึงพลังปราณได้

เขาต้องใช้เวลาสี่ปีในการบรรลุระดับที่เจ็ด ความจริงมีบ้างที่บอกว่าศิลปะการต่อสู้นั้นเหมาะกับคนที่มั่งคั่งร่ำรวย

เขาเข้าเรียน 5 - 6 เดือน ด้วยการลดค่าเล่าเรียนเหลือเพียง 32 เงินจากวันที่เขาตัดสินใจเรียนศิลปะการต่อสู้ นี่เป็นค่าเล่าเรียนที่ลดแล้วเหมือนคนอื่นๆต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าสำหรับการฝึกของพวกเขา เขาสามารถลดค่าเล่าเรียนด้วยการขอร้องอย่างจริงใจโดยไม่หยุดยั้ง

ด้วยราคาที่สูงเกินไปของยาแช่ที่จำเป็นในการฝึกฝนร่างกายทำให้เขาไม่มีเงิน แม้จะอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ ซือมูยังสามารถเข้าสู่ระดับที่โดดเด่นได้ เรื่องนี้ทำได้โรงเรียนนั้นประหลาดใจและได้รับคำชมจากอาจารย์ผู้สอน เชื่อว่าพรสวรรค์และความสามารถของเขาต้องดีมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซือมูเกิดเพื่อเป็นนักรบโดยเฉพาะ

เขาอาจขอให้นักปรุงยาของโรงเรียนจัดเตรียมห้องอาบสมุนไพรให้เป็นครั้งคราว แต่เงินที่เขามีอยู่ไม่สามารถซื้อสมุนไพรราคาแพงและหายากได้ ดังนั้นเขาเพียงแค่สามารถเพียงแค่แช่สมุนไพรสามัญธรรมดาเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตทางกายภาพของเขา

ซือมูถอนหายใจ เขารู้ดีกว่าเขาไม่ได้เกิดมาพร้อมกับกระดูกที่แข็งแรง เมื่อสองปีก่อนเป็นโชคชะตานำพาซึ่งความสำเร็จของเขาในภายหลัง เขารู้ดีว่านี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องการเวลาในการตัดสินใจจะย้ายไปอยู่กับตระกูลจินหรือไม่

โดยทิ้งปัญหาเหล่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ก่อนจะวิ่งลงไปเนินเขา เขามาถึงชายทะเลยืนอยู่บนกลุ่มของโขดหินและไม่กี่วิเขากระโดดลงไปในทะเล เขาขยับแขนอย่างรวดเร็วเหมือนปลายักษ์ในทะเลลึก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ว่ายน้ำลึกลงไป 3-4 ร้อยฟุต

มีบางอย่างที่น่าประทับใจเกิดขึ้นในแววตาของเขา

ทะเลที่มืดครึ้มก่อนหน้านี้เริ่มส่องแสงสีขาว แสงนั้นสว่างขึ้นและสาดส่องรอบๆบริเวณ

ซือมูไม่ได้รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาผ่อนลมหายใจและว่ายน้ำลึกลงไปหลายเมตรใกล้ผืนทราย เขามาถึงก้นทะเลซึ่งปกคลุมไปด้วยเม็ดทรายขาวละเอียด

เขามองเห็นแสงระยิบระยับที่เกิดจากเปลือกหอยนับลิบขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์ในแต่ละอัน ท่ามกลางเปลือกหอยมีศิลาซึ่งสูง 70-80 ฟุตส่องแสงกระพริบอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งอยู่

จบ บทที่ 1 – เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง

โปรดติดตามตอนต่อไป The Portal of Wonderland บทที่ 2 - ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย

The Portal of Wonderland อารัมภบท


ประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์ [The Portal of Wonderland]


สถานะ จีน 1036 ตอน อิ้ง 47 ตอน 8/6/17

ผู้แต่ง Wang Yu

ผู้แปลอิ้ง Novel Saga

อารัมภบท

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล แสงสีทองอร่ามกำลังเดินทางอย่างช้าๆในพื้นที่มืดมิด ภายในส่วนลึกได้ยินเสียงโหยหวนอันน่าสะอิดสะเอียนเบาๆออกมาเป็นครั้งคราว เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงร้องไห้เสียใจหรือเสียงปีศาจร้ายหัวเราะกันแน่

หลังจากนั้นไม่รู้กี่ปี มีดาวเคราห์สีน้ำเงินอันมหึมาปรากฏตรงหน้าของมัน

"บูมมมมม!" เกิดเสียงอันก้องกังวานดังขั้น

แสงสีทองอันวาววับถูกแรงดึงดูดโดยดาวเคราะห์ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เมื่อถึงชั้นบรรยากาศของโลกแสงเริ่มลุกโชนขึ้นและแรงเสียดสีทำให้วัตถุกลายเป็นดาวตกที่สว่างไสวเมื่อมันลงมาจากฟากฟ้ามุ่งสู่ทะเล

.....................

ปีที่ 9 ของยุคเทียนหยวน ในราชอาณาจักรสวรรค์ดาฉี มีวัตถุที่ไม่รู้จักซึ่งปรากฏเฉกเช่นดวงดาวแห่งสวรรค์อันร้ายกาจตกลงไปในทะเลตะวันออกจากท้องฟ้า โดยตามรายงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หมู่เกาะ 23 เกาะถูกปกคลุมด้วยคลื่นสึนามิจนไปถึงยอดเขาอันเนื่องมาจากวัตถุที่ไม่รู้จัก คลื่นลูกต่อๆมาได้รายงานว่าทำลายบ้านเรือนบนพื้นที่ชายทะเลไปกว่า 10,000 หลังในเมืองหยู ทำให้ประชากรและสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตจำนวนมาก

--สมุดบันทึกเหตุการณ์ประจำปีของดงโจว[1]--

โน๊ต
[1] นี่คือชื่อของหนังสือประวัติศาสตร์ที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นของพื้นที่ดงโจว ปล.ผู้เขียนไม่ได้ระบุ

ติดตามตอนต่อไป บทที่ 1 - เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง


ผักกาด

นิยายลงสัปดาห์ละ 1-2-3 ตอนแล้วแต่อารมณ์ผู้แปลส่วนกลุ่มลับก็มีอยู่แต่ยังไม่ให้คนเข้านะครับ สำหรับตอนที่ 1-49 สามารถอ่านได้ที่โรงงานนรกนะครับ http://www.hellfact.com/novel/ancient-strengthening-technique/

เพิ่มเติม

พอดีเพิ่งหัดทำ Blog ใครเก่งสอนหน่อย