Quan zhi fa shi เชียนจอมเวทย์ทะลุมิติ อรัมภบท


Quan zhi fa shi เชียนจอมเวทย์ทะลุมิติ อรัมภบท

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

เขาตื่นขึ้นมาในโลกที่คุ้นเคยแต่กลับมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ในโรงเรียนเดียวกันนั้นจู่กลับกลายเป็นโรงเรียนสอนเวทย์มนต์ไปซะได้และต้องการสนับสนุนให้ทุกคนกลายเป็นจอมเวทย์ที่ดี

นอกเมืองมีมอนส์เตอร์และสัตว์ร้ายจำนวนมากที่จู่โจมทำร้ายมนุษย์

โลกแห่งวิทยาศาสตร์อันก้าวหน้าได้เปลี่ยนไปเป็นโลกแห่งเวทย์มนต์ความใฝ่ฝันของเขาในโลกก่อนหน้าก็ยังคงเช่นเดิมด้วยความที่พ่อโดนกดขี่และดิ้นรนเพื่อความก้าวหน้าหาเลี้ยงลูกทำให้เขาต้องการต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี

อย่างไรก็ตาม มู่ฝาน พบว่าทุกคนมีเพียงธาตุเดียวอยู่ในตัวเท่านั้นในขณะที่เขามีถึงสองธาตุ

ติดตามตอนต่อไป Quan zhi fa shi เชียนจอมเวทย์ทะลุมิติ ตอนที่ 1

The Portal of Wonderland บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย



The Portal of Wonderland บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

ซือมูไม่ได้ให้ความสำคัญกับเปลือกหอยที่วาววับแต่อย่างใด เขาว่ายน้ำตรงไปยังหินศิลาขนาดใหญ่ยกแขนขึ้นและเกิดเสียง ปัง เขาชกไปที่หินศิลาอย่างรุนแรง มีหมอกเลือดไหลออกมาจากใต้หินศิลา มันหมุนวนรอบตัวเขาราวกับสายฟ้าและสุดท้ายมันก็ซึมเข้าสู่ร่างกาย วิญญาณของเขาเริ่มฟื้นตัวและหลังจากกลั้นหายใจเป็นเวลานานเขาก็สามารถหายใจในทะเลได้อย่างน่าอัศจรรย์ราวกับว่าเขาเป็นปลา

จากนั้นเขาหันกลับไปที่หินศิลาพร้อมกับเดินไปด้านหลังทิ่มแทงด้วยสว่านเหล็กและสิ่วเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เขาต้องการตัดด้านล่างของหินศิลา

ภายในมีแสงสีขาวจางๆ เขาได้เห็นหอยขนาดประมาณโถน้ำขนาดใหญ่ที่ใต้ศิลา มันดูสะอาดเหมือนหยกและสีผิวของมันเหมือนกับแสงจันทร์ที่สุกสกาววาววับ มันมาสามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากหินศิลาขนาดใหญ่ที่ทับอยู่ด้านบนของมัน

ซือมูพยายามขุดเจาะรูที่ด้านหนึ่งของก้นศิลาเหมือนกับต้องการย้ายมันไปตามกระแสของมหาสมุทร

เขาพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายหลุมเป็นชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เขาก็เริ่มหมดแรงและหยุดทำงานจากนั้นเขาทุบ 3 ทีที่ศิลาหินอีกครั้ง ทุกครั้งที่ทุบเหมือนเป็นสัญญาณในการสื่อสารกับหอย

ซึ่งมันเริ่มเรืองแสงออกมาเมื่อทุบมัน จากนั้นก็มีหมอกสีแดงออกมาจากหอยผ่านช่องแคบของหินศิลาออกมาซึมเข้าร่างของซือมูและไม่นานเขาก็สามารถหายใจในน้ำได้อย่างอิสระอีกครั้ง

เขาหยิบเครื่องมือขึ้นมาและขุดต่อไป

ซือมู ค้นพบหอยขาวตัวตัวนี้ติดอยู่ใต้หินศิลานี้มาประมาณสองปีที่แล้ว เขาได้สูดหมอกสีเลือดโดยบังเอิญและมันทำให้เขาประหลาดใจเมื่อได้พบว่ามันทำให้เขาได้รับสถาะพิเศษ (buff) ซึ่งมันทำให้เขาหายใจในน้ำได้ชั่วคราว เขาจึงแน่ใจเลยว่าหอยนี่อาจจะไม่ใช่หอยธรรมดาดังนั้นเขาจึงนำสิ่วและสว่านออกมาจากบ้านเจาะก้นศิลาหินเพื่อปลดปล่อยหอยจากกระถูกพันธนาการ

ดูเหมือนว่าหอยจะมีสติปัญญาที่ชาญฉลาดมันตระหนักถึงการปรากฏตัวและเจตนาของซือมู ทุกครั้งที่เขามีปัญหาเรื่องการหายใจหอยก็จะปลดปล่อยหมอกสีเลือดซึ่งทำให้เขาหายใจออกมาได้อย่างอิสระอีกครั้ง

แม้จะได้ความช่วยเหลือจากหอยแต่มันก็เป็นงานที่ยากมาก ถึงแม้จะหายใจในน้ำได้โดยไม่มีปัญหา แต่เพราะทะเลทำให้เขาใช้กำลังได้ไม่มากนักเนื่องจากความขนาดความหนาและน้ำหนักของศิลาหินจำต้องใช้เวลาถึงสองปีเต็ม

ตลอดเวลา ซือมูเข้าใจว่าหมอกที่ออกมาจากหอยนั้นมีความลึกลับ

ครั้งแรกที่เขาสูดดมหมอกโดยบังเอิญเขาสามารถหายใจในน้ำได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นแต่ผ่านไปสองปีขณะนี้เขาได้สูดดมมันมากขึ้นและมันทำให้เขาสามารถหายใจในน้ำได้เกือบๆหนึ่งชั่วโมง

และที่น่าสนใจมากกว่านั้น หมอกแปลกๆนี้มันช่วยให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น

ก่อนหน้านั้นการก้าวหน้าของศิลปะการผ่อนปรนร่างกายของเขาติดขัดเนื่องจากไม่ได้รับสมุนไพร แต่เขาก็ยังก้าวหน้าได้ถึงสามระดับได้จนอยู่ที่ระดับเจ็ด นี่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาเริ่มตระหนักว่าหมอกนี้ยังช่วงเสริมสร้างสติปัญญาทำให้เขาฉลาดขึ้นและมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากว่าเพื่อนๆของเขา

มิฉะนั้นแล้วเด็กที่ถูกจับตัวโดยชายที่สวมชุดสีน้ำเงินก่อนหน้าจะมีความสงบเยือกเย็นได้เช่นนี้?

เขาอยู่ใต้ทะจนดึกตื่นและกลับบ้านที่หมู่บ้านด้วยความเหนื่อยล้า เขาไม่สามารถที่จะพักผ่อนได้หลายวันก่อนจะออกไปทะเลอีกครั้งเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ตอนนี้เขามีเส้นตายซึ่งหมายความว่าเขาต้องรีบเร่งทำให้สำเร็จ

ดังนั้นเขาจึงออกไปยังทะเลในวันที่สองและยังคงทำงานตลอดทั้งวันต่อไปในจนถึงวันที่สาม

เกิดเสียง “บูมมมมมม!!”

หินศิลาขนาดใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนและมีหินก้อนเล็กๆแยกออกมาเป็นจำนวนมาก มันพังทะลายด้วยน้ำหนักของตัวมันเองและเอียงไปยังด้านข้างซึ่งเป็นตามตามคาด หอยขาวเริ่มพยายามหนีออกจากใต้ก้อนหินและความมันวาวโดยรอบของมันขยายตัวและเข้มข้นขึ้น

“อย่างงั้นแหละ อย่างงั้น!” เขาสูดลมหายใจด้วยความตื่นเต้นชื่นชมและยินดีกับภาพที่เห็น

เขาขยับตัวไปอีกฟากเพื่อหลบเลี่ยงเศษหินจากศิลายักที่แตกออกมา เสียงกระหึ่มดังขึ้นและรอยแตกเกิดขึ้นเรื่อยๆครู่หนึ่งศิลาหินแทบพังทะลายเพราะการเคลื่อนที่ของเปลือกหอย เพียงแค่กระแสน้ำกระแทกกับหินยักจากทิศทางที่มันตกลงมาทำให้ก้อนศิลาหินยักเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นและทรุดตัวลง หอยขาวถูกผลักเข้าไปข้างในและถูกขังอีกครั้ง

“ไม่นะ!” ซือมูตะโกนด้วยความโกรธ

เขาดิ่งลงไปบนผืนทรายโดยไม่คิดและใช้เท้าขุดลงไปครึ่งนิ้ว จากนั้นเขาชกหินสองครั้งอย่างต่อเนื่องด้วยวิชาหมัดที่ได้เรียนรู้มา

ได้ยินสองเสียงดังลั่นขณะแรงระเบิดขนาดใหญ่ของเด็กหนุ่มทำให้เกิดกระแสน้ำวน

ศิลาหินยักษ์กำลังแตกสลาย หอยขาวใช้ประโยชน์จากหินที่กำลังร่วงหล่นหย่างช้าเคลื่อนที่หลบหนีอย่างรวดเร็ว มันหายไปในทะเล ด้วยการปกป้องของเด็กชาย

ซือมูตระหนักได้ว่ามือเขารู้สึกเจ็บปวดมากดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ายของเขาตกใจและพ่นเลือดออกมาก่อนหมดสติลงไปบนพื้น

จากนั้นหอยขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้งและเริ่มเปิดเปลือกหอยเผยให้เห็นเด็กสาวถือไข่มุกสีเลือดอยู่ในมือ

เด็กสาวคนนั้นดูเหมือนอายุ 6 – 7 ขวบและสูงเพียง 3 นิ้วเท่านั้น เธอมีผิวที่สว่างไสวแววตากระจ่างใสเหมือนดาวเล็กๆ สวมผ้าพันแผลใบหน้าละเอียดอ่อนของเธอแสดงถึงความขอบคุณอย่างมากขณะที่เธอจ้องเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สติและมีเลือดออกที่มือ

เธอเคลื่อนไหวเล็กน้อยชู ไข่มุกสีเลือด ด้วยมือของเธอ เกิดวงแหวนคลื่นแลงสีเงินกระจายออกมาจากมุกและบินออกไปหมุนวนทั่วทิศทาง

ไม่นานได้ยินเสียงกระเพื่อมเป็นกองทัพเปลือกหอยยกร่างของเด็กชายไปยังพื้นผิวของทะเลในไม่ช้าร่างของเด็กขายก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำ

เปลือกหอยก็หายไปในทะเลอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว

หอยขาวตาชายหนุ่มขึ้นมาพร้อมเปล่งแสงสีเงิน เปลือกหอยได้เปิดขึ้นและเด็กสาวตัวเล็กๆก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เธอเห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่ฟื้นและเกิดความลังเล เธอมองไปที่ไข่มุกใบหน้าของเธอ

บ่งบอกถึงการตัดสินใจทำบางอย่าง เธอชี้ไข่มุกไปยังซือมูมันหมุนวนรอบๆก่อนปล่อยหมอกสีเลือดออกมา

-----------------------

หลายวันต่อมาเด็กสาวก็โผล่มาในทะเลราวๆหมื่นไมล์ เธอโตขึ้นและคล้ายคลึงกับเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกันเธอ เธอกำลังยืนอยู่กับหญิงวัยกลางคนที่สวยงามในชุดคลุมไปรเวทย์สีน้ำเงิน

ทั้งสองยืนอยู่บนหลังเต่าดำขนาดใหญ่ที่กำลังเดินทางด้วยความเร็วราวสายฟ้าบนพื้นผิวทะเลจนเกิดเป็นคลื่นสองสาย

หญิงสาววัยกลางคนจับมือเด็ก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก เธอแสดงถึงความกังวลและพูดซ้ำๆว่า “ลูกข้าเจ้าคงไม่โชคดีถ้าไม่ได้วิ่งเข้ามาหาข้า เจ้าเป็นลูกสาวของ เทพธิดาหอยแห่งสวรรค์ ที่มีความแข็งแกร่งแต่กำเนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบหมื่นปีเท่านั้น ตระกูลทะเลตะวันออกถูกกำหนดไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่ เจ้าชื่ออะไรลูกข้า? ไข่มุกวิญญาณของเจ้าอยู่ที่ใด? ว่ากันว่าลูกสาวของเทพธิดาหอยแห่งสวรรค์จะถือไข่มุกแห่งชีวิตซึ่งเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์”

“อ่า อ่า” นี่เป็นคำตอบของเด็กสาวตัวเล็กๆที่พยายามพูดด้วยท่าทาง

เด็กสาวพยายามแสดงท่าทางเพื่อตอบคำถามของเธอ

“โอ้งั้นเหรอ ซื่อของเจ้าคือ เจียงซู เจ้าบอกว่าเจ้าใด้ให้ไข่มุกกับใครบางคนที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้งั้นเหรอ ดีมันเป็นสิ่งที่ดีที่จะแสดงความกตัญญู เดี๋ยวก่อน ! คนที่ช่วยชีวิตเจ้าเป็นมนุษย์ และยังเป็นผู้ชาย เจ้าต้องจำไว้ว่าในดินแดนนี้ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าไว้ใจ ครั้งต่อไปที่เจ้าเห็นพวกมันเจ้าต้องฆ่าทันที มากับข้าเราจะไปนำไข่มุกกลับมา มีอะไร? ไขมุกวิญญาณได้รับความเสียหายเนื่องจากมันปนเปื้อนเลือดประหลาดที่อยู่ก้นทะเลตั้งแต่นั้นมามันก็พลังมันจึงลดลง? เอาล่ะในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ปล่อยเจ้ามนุษย์นั้นไปก่อน แต่จำไว้เจ้าจะต้องไม่พบเจอมันอีกครั้ง” หญิงสาวกล่าว

เต่าตัวมหึมาพาพวกเขาห่างออกไป ห่างออกไป ห่างออกไป จนลับสายตาไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงอีกต่อไป

-----------------------------

ขณะที่เขานอนหมดสติอยู่ร่างของชือมูถูกแผดเผาด้วยไข้ [หมายถึงตัวร้อนไม่สบายอ่ะแหละ] ปากและลิ้นของเขาแห้งแหบ ทันใดนั้นเขากระโจนออกจากห้องนอนและลุกขึ้นนั่งพร้อมตะโกน และเมื่อเขาได้สติเขาพบว่าไม่ได้อยู่ก้นทะเลแต่กลับอยู่บนชายหาด เขามองดูที่มือและตื่นตะลึง มันผิวที่ฉีกขาดแผลเปื้อนเลือดบนมือถูกแทนที่ด้วยผิวที่เรียบเนียนราวกับทารก

เขารู้สึกแปลกๆในร่างกายของเขาราวกับว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เขารู้สึกว่าเลือดของเขาไหลออกจากร่างและช่วงเวลาหนึ่งก็มีบางอย่างเข้ามา เขาเริ่มสำรวจร่างกายของเขา เขาพบลูกบอลคริสตัลอยู่ข้างหน้าอกของเขาขนาดของมันเท่าหัวแม่มือเขาเกิดอาการมึนงง

“นี่คือ!!!”

เขารู้สึกสงสัย เขาได้เคยมีสมบัติอะไรแบบนี้ติดตัวมา

ซือมูไม่ได้ตระหนักเลยว่าหมอกสีเลือดนั้นไม่ได้ออกมาจากหอยที่อยู่ในธรรมชาติแท้จริงมันออกมาจากไข่มุก

มีเพียง 1 ส่วน 10 ของหมอกสีเลือดเท่านั้นที่เขาสูดเข้าในขณะอยู่ใต้น้ำเด็กสาวฝืนบังคับให้มันแสดงออกมาเพื่อรักษาแผลของเด็กหนุ่ม ไข่มุกได้สูญเสียพลังไปในช่วงที่หญิงสาวใช้หยุดยั้งเลือดประหลาดในตอนนั้นและตอนนี้มันไม่มีอะไรเลยนอกจากไข่มุกอันเป็นประกายที่หายากชิ้นนึง ที่เป็นเหตุผลที่เด็กสาวทิ้งมันไว้กับเด็กหนุ่ม

ซือมูควงไข่มุกไปมาในมือพร้อมชื่นชมความงามของมัน ทั้งรูปร่างลักษณะขนาดมันทำให้เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอนหลังจากชื่นชมไม่นานเขาก็ซ่อนมันไว้ในเสื้อผ้าเพื่อความปลอดภัย

ผ่านไปไม่นานเขาก็กระโดดออกจากบ้านวิ่งไปยังทะเลอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่าหอยนั้นได้หลบหนีจากใต้ก้อนหินได้สำเร็จหรือไม่ และเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อที่จะไม่ต้องมีความรู้สึกกังวล

สามวันต่อมาชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็กลับมาอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับซือมู หลังจากนั้นรถม้าสีดำก็ขับออกจากหมู่บ้านชาวประมงมุ่งหน้าไปทิศทางของเมือง เฟิง

จบ บทที่ 2 – ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย

โปรดติดตามตอนต่อไป The Portal of Wonderland บทที่ 3

The Portal of Wonderland บทที่ 1 – เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง


The Portal of Wonderland บทที่ 1 – เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

ณ หมู่บ้านชาวประมงที่ห่างไกลในเฉียนโจว จังหวัดไคเหยียนในยุคของราชอาณาจักรสวรรค์ ดาฉี

รถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราล้อมรอบข้างนอกกระท่อมไม้โทรมๆในขณะที่ชายฉกรรจ์ติดอาวุธในชุดคลุมสีดำหลายคนยืนเฝ้าอยู่รอบ ๆ ชาวบ้านต่างพากันตื่นเต้นในที่เกิดเหตุ กระซิบกระซาบพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา

"พวกเขาเหล้านั้นจริงๆแล้วมาจากตระกูลจินรึป่าว? ตระกูลจิน แห่งเมืองเฟิงใช่มั้ย?”

“ใช่ถ้าข้ามองไม่ผิด เห็นนั่นมั้ย? ลายถักสีทองบนเสื้อคลุมของพวกเค้า ไม่มีตระกูลไหนในจังหวัดไคเหยียน ใช้นอกจากตระกูลจิน”

“ไม่น่าเชื่อ! ตั้งแต่นั้นมาไม่มีรู้ข่าวของ ซือติง ในช่วงสิบปีก่อนหน้านั้นเขาทิ้งลูกและภรรยาไปผู้คนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้ว อาจจะป่วยตายอยู่ภายในดินแดนที่ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้เขาได้เข้าร่วมกับตระกูลจินและส่งคนมารับ ซือมู ลูกชายของเขา น่าเศร้าที่ของเขาตายไปแล้ว ไม่งั้นเธอคงได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตใหม่ที่มั่งคั่งและอยู่ดีกินดี”

“ความมั่งคั่งและกินดีอยู่ดี? มันไม่น่าเป็นไปได้ ข้าแอบได้ยินนายทหารของตระกูลจินกล่าวว่า ซือติง เป็นลูกเขยตระกูลจินและเข้าคงไม่กล้าส่งคนไปรับ สือมู หรอกถ้าแม่ของเด็กยังมีชีวิตอยู่”


“จะยังไงก็ช่าง ชีวิตอันแสนลำบากของ ซือมู ก็คงจบลงเขาเป็นเด็กกำพร้าจวบจนถึงเมื่อวานนี้ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปเขาจะได้กลายมาเป็นนายน้อย”

------------

“พ่อของข้านอนอยู่บนเตียงแล้วป่วยหนักแล้วข้ายังมีน้องสาวที่ข้าไม่รู้จักอีก?” ซือมู ถามชายชราที่สวมเสื้อสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เกี่ยวกับเรื่องเหลือเชื่อที่ได้ยิน

ดวงอาทิตย์ที่รุนแรงและลมจากมหาสมุทรได้เปลี่ยนผิวของเขาเป็นสีแดงเข้มทำให้เขาดูโตกว่าอายุสิบสาม ลักษณะของเขาดูแข็งแรงทำให้เขาโดดเด่นกว่าเพื่อนๆของเขา เสื้อคลุมโกโรโกโสได้อำพลางสัดส่วนและความกำยำของกล้ามเนื้อของเขาเล็กน้อยบวกกับกลิ่นอายที่ดูดุร้าย

“ถูกต้อง ด้วยโรคร้ายบางทีนายท่านอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เป็นสาเหตุให้ข้ามาที่นี่ นายหญิงขอให้ข้ามาพานายน้อยซือกลับไปกับข้าเข้าพบนายท่านก่อนจะจากไป” ชายคนนั้นยิ้มตอบคำถามอย่างอ่อนโยน

“นายหญิงที่ท่านพูดหมายถึงใคร? พ่อข้าทอดทิ้งข้าและแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ผ่านไปหลายปีแล้วเขายังไม่กลับมาหาข้า ท่านคงต้องล้มเลิก เพราะข้าจะไม่ไปที่ตระกูลจินกับท่าน” เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองโดยไม่มีความลังเล

“อนิจจา! ข้าเกรงว่านายน้อยซือจะเข้าใจนายท่านผิด นายท่านมีปัญหามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถกลับมาหานายน้อยซือได้ มันเป็นความต้องการสูงสุดของนายท่านที่จะพบนายน้อยเพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจผิดในอดีต” คนรับใช้แก่พยายามอธิบาย

“ฮึ! คนคนนั้นได้ทิ้งครอบครัวของตัวเอง ไม่มีอะไรที่ท่านพูดแล้วจะเปลี่ยนความจริงนี้ได้ ท่านควรล้มเลิกแล้วจากไป”เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทางเย็นชา

ชายชราที่สวมเสื้อสีน้ำเงินดูเหมือนจะอยู่ในสถานะกระอักกระอ่วม เขาขมวดคิ้วเข้ามาใกล้ๆและพูดเมื่อเขาสังเกตเห็นลักษณะของขายหนุ่ม เสียงของเขาให้ความรู้สึกเด็ดขาด

“ยาที่นายน้อยซือซื้อจากร้านขายยาในเมืองราคาถูกอย่างไร้เหตุผล? นอกจากนี้ครูที่ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ของเมืองยังเรียกเก็บเงินกับนายน้อยถูกกว่านักเรียนคนอื่นๆ? ไม่ลืมว่าปลาที่นายน้อยขายได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อยามที่นายน้อยซือมาถึงตลาดของเมือง?ไม่เพียงแค่นั้นยังไม่มีลูกค้ารายใดบ่นเรื่องราคาปลา?”

“ท่านหมายความว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะคนคนนั้น?” เด็กชายถามขึ้นด้วยความตื่นตะลึง

“ข้าไม่ทรายว่าเป็นความคิดของนายท่านรึป่าว อย่างไรก็ตามนายหญิงได้เป็นคนขอร้องเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”คนรับใช้ตอบด้วยรอยยิ้ม

คำพูดนั้นดูเหมือนจะส่งผลต่อเด็กหนุ่มและเขาก็อยู่ตกในสภาพปั่นป่วนและว้าวุ่น

“ข้าขอถามนายน้อย นายน้อยยังเรียน ศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย อยู่หรือไม่? ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายต้องต้องการเป็นนักรบที่แท้จริง นายหญิงท่านใจดีมากพอที่จะเสนอโอกาสให้นายน้อยซือเข้ารับการทดสอบลงทะเบียนของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ไคเหยียน ตราบเท่าที่นายน้อยตกลงไปพบนายท่าน แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วการเข้าเรียนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนายน้อย”ชายคนนั้นค่อยๆวางการ์ดไว้บนโตะ

“โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ไคเหยียน” เด็กชายพูดย้ำๆพลางตะลึง เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆในวันสิบสามเขาได้รับการกระตุ้นด้วยสิ่งล่อตาล่อใจดังกล่าว

ในฐานะนักเรียนศิลปะการต่อสู้ข้าแน่ใจว่านายน้อยต้องรู้แน่ว่าโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ไคเหยียน เป็นหนึ่งในสี่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและจะมีการลงทะเบียนนักเรียนทุกๆ 5 ปี ผู้สมัครจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญสองข้อเพื่อให้เข้าสอบ ข้อแรก ผู้สมัครต้องสำเร็จ ศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย ก่อนอายุ 15 ปี ข้อสอง ผู้สมัครต้องเข้าใจเนื้อแท้ของ ปราณ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้สมัครจะสามารถบ่มเพาะปราณแท้จริง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะสามารถไหลเวียนปราณได้อย่างต่อเนื่องผ่านเส้นปราณเมอริเดียน มันเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตามไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจเนื้อแท้ของปราณ ยาหลิงชี จะกระตุ้นให้ปราณมีสถานะยืดหยุ่น และยาตัวนี้ก็ราคาแพงเสียด้วย แม้แต่ในตระกูลจินก็ยังซื้อได้ครั้งละแค่เพียง 10 เม็ดเท่านั้น ข้าเป็นห่วงความใฝ่ฝันของนายน้อย ได้โปรดทำตามที่ใจท่านปรารถนา”ชายชรากล่าวอย่างช้าๆและเชื่อมั่นว่าคำพูดของเขาจะชักจูงนายน้อยได้

เด็กหนุ่มเงียบไปเป็นเวลานานและในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ

“ให้พวกท่านมาใหม่ ในอีกสามวันข้าถึงให้คำตอบ”

“เยี่ยม แล้วอีกสามวันข้าจะกลับมาพร้อมกับรอฟังข่าวดี”ชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินกล่าว

เข้ารู้สึกว่าเด็กคนนั้นได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วเขาโค้งคำนับเล็กน้อยและไม่นานก็จากไป

-------------

“หัวหน้า เฉิง ทำไมเราถึงกลับโดยที่ไม่มีเขา? ทำไมเราไม่ใช้กำลังบังคับพาเขากลับไปพวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” ผู้ขับรถม้าสังเกตเห็นหลังจากที่พวกเขาออกจากหมู่บ้าน

“เหลวไหล! เขาอาจไม่ใช่ลูกชายของนายหญิง แต่นายน้อยซือเป็นลูกชายทางสายเลือดของนายท่าน เราได้รับการขอร้องให้พาเขามาอย่างปลอดภัยและด้วยความตั้งใจของเขาเอง การทำให้นายท่านเสียใจเหมือนทำให้งานของเราล้มเหลว โดยให้คิดถึงอารมณ์ของนายหญิง”ชายชุดคลุมสีน้ำเงินโกรธเคือง

“อ่า ขออภัย ข้าน้อยช่างโง่เขลานัก” ผู้ขับรถม้าพึมพำ

ทันใดนั้นมีเงาสายหนึ่งจากระยะไกล คนดังกล่าวใส่ชุดคลุมสีดำกำลังควบม้าเข้าไปหาคนรับใช้ชราและโค้งคำนับ

“หัวหน้า เฉิง เราได้พบนักรบของเปียวที่ส่งมาโดยนายท่านลำดับที่ 5 เราควรทำอย่างไรดี ” เขาถาม

“ฮึ! หมายความว่านายท่านลำดับที่ 5 ยังวางแผนอะไรซักอย่างอยู่ เจ้าไม่สามารถจัดการกับนักรบของเปียวได้ ข้าจะจัดการพวกมันเอง บอกทางให้แก่ข้าส่วนคนอื่นๆรออยู่ที่นี่ ข้าจะไปจบแผนการโง่ๆนั่นเอง”ชายแก่ขมวดคิ้ว

“รับทราบ” ผู้ควบม้าดังกล่าวบอกเส้นทางเดินกลับเข้าไปในป่าตามเส้นทางที่เขาได้จากมา

ช้าเสื้อคลุมสีน้ำเงินกระโดดลงจากหลังม้าด้วยร่างที่เหมือนกับขนนก เขาหายตัวไปภายในเวลาชั่วครู่ขณะคนควบรถม้าคนอื่นๆที่มาพร้อมรถลากไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว

-------------------------

ช่วงเวลายามราตรีซือมูคุกเข่าอยู่หน้าหลุมฝังศพนอกหมู่บ้านบนเนินเขาไร้ชื่อ แสงจันทร์สาดส่องลงบนป้ายหินสีเหลืองซึ่งอ่านได้ว่า “หลุมฝังศพของภรรยาตระกูลซือ ซือหวัง”

“ถึงท่านแม่ ท่านอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด พ่อยังไม่ตาย เขาแต่งงานกับครอบครัวอื่นในดินแดนที่ไม่รู้จัก แต่โปรดอย่ากังวลเพราะข้าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน พ่อได้โกหกท่านเขาบอกว่าเขาต้องการแสวงหาศิลปะการต่อสู้ แต่ข้าจะไปเป็นนักรบที่แท้จริง ลูกชายของท่านจะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อที่จะให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบชั่วนิรันดร์ ”

เด็กหนุ่มพึมพำพึมพำหน้าหลุมศพแม่ของเขาก่อนจะลุกยืนขึ้น และยืดเส้นยืดสายก่อนจะเริ่มฝึกซ้อมในจุดๆเดียวกัน

ถ้ามีคนกำลังเฝ้ามองเขาจากระยะไกล จะเห็นว่าร่างกายของเขาราวกับเสือโคร่ง การเคลื่อนไหวของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านไม่ไม่กี่วินาทีได้ยินเสียงกระดูกดังแคร๊กจากระยะไกล ไม่ช้าละอองฝุ่นที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของจนเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่านั่นคือมนุษย์

วิชชชช....

เขาเริ่มชาร์จและโจมตีออกไปจากวงล้อมของฝุ่นควันและเจาะลำต้นหนาๆของต้นไม้ไกล้ๆ ปัง!! ต้นไม้สั่นสะเทือนเกิดการระเบิดและมีเสียงสะท้อนดังสนั่นออกมา เหล่าใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจำนวนหนึ่งและรอยกำปั้นได้ประทับอยู่กลางลำต้นของต้นไม้

ซือมูยกคิ้วขึ้นเขาสังเกตเห็นรอยประทับที่เกิดจากกำปั้นของเขาที่ถูกทิ้งไว้บนต้นไม้

การเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้เป็นเทคนิคแรกที่ได้รับการสอนในโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ในเมือง นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมมากที่สุดในทักษะ ศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย ในราชอาณาจักรสวรรค์ ดาฉี อาจารย์ผู้สอนบอกเขาว่าต้องอยู่ในระดับที่เจ็ดของศิลปะการผ่อนปรนร่างกาย ซึ่งหมายความว่าต้องผ่านอีกสองระดับถึงจะสามารถสัมผัสถึงพลังปราณได้

เขาต้องใช้เวลาสี่ปีในการบรรลุระดับที่เจ็ด ความจริงมีบ้างที่บอกว่าศิลปะการต่อสู้นั้นเหมาะกับคนที่มั่งคั่งร่ำรวย

เขาเข้าเรียน 5 - 6 เดือน ด้วยการลดค่าเล่าเรียนเหลือเพียง 32 เงินจากวันที่เขาตัดสินใจเรียนศิลปะการต่อสู้ นี่เป็นค่าเล่าเรียนที่ลดแล้วเหมือนคนอื่นๆต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าสำหรับการฝึกของพวกเขา เขาสามารถลดค่าเล่าเรียนด้วยการขอร้องอย่างจริงใจโดยไม่หยุดยั้ง

ด้วยราคาที่สูงเกินไปของยาแช่ที่จำเป็นในการฝึกฝนร่างกายทำให้เขาไม่มีเงิน แม้จะอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ ซือมูยังสามารถเข้าสู่ระดับที่โดดเด่นได้ เรื่องนี้ทำได้โรงเรียนนั้นประหลาดใจและได้รับคำชมจากอาจารย์ผู้สอน เชื่อว่าพรสวรรค์และความสามารถของเขาต้องดีมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซือมูเกิดเพื่อเป็นนักรบโดยเฉพาะ

เขาอาจขอให้นักปรุงยาของโรงเรียนจัดเตรียมห้องอาบสมุนไพรให้เป็นครั้งคราว แต่เงินที่เขามีอยู่ไม่สามารถซื้อสมุนไพรราคาแพงและหายากได้ ดังนั้นเขาเพียงแค่สามารถเพียงแค่แช่สมุนไพรสามัญธรรมดาเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตทางกายภาพของเขา

ซือมูถอนหายใจ เขารู้ดีกว่าเขาไม่ได้เกิดมาพร้อมกับกระดูกที่แข็งแรง เมื่อสองปีก่อนเป็นโชคชะตานำพาซึ่งความสำเร็จของเขาในภายหลัง เขารู้ดีว่านี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องการเวลาในการตัดสินใจจะย้ายไปอยู่กับตระกูลจินหรือไม่

โดยทิ้งปัญหาเหล่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ก่อนจะวิ่งลงไปเนินเขา เขามาถึงชายทะเลยืนอยู่บนกลุ่มของโขดหินและไม่กี่วิเขากระโดดลงไปในทะเล เขาขยับแขนอย่างรวดเร็วเหมือนปลายักษ์ในทะเลลึก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ว่ายน้ำลึกลงไป 3-4 ร้อยฟุต

มีบางอย่างที่น่าประทับใจเกิดขึ้นในแววตาของเขา

ทะเลที่มืดครึ้มก่อนหน้านี้เริ่มส่องแสงสีขาว แสงนั้นสว่างขึ้นและสาดส่องรอบๆบริเวณ

ซือมูไม่ได้รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาผ่อนลมหายใจและว่ายน้ำลึกลงไปหลายเมตรใกล้ผืนทราย เขามาถึงก้นทะเลซึ่งปกคลุมไปด้วยเม็ดทรายขาวละเอียด

เขามองเห็นแสงระยิบระยับที่เกิดจากเปลือกหอยนับลิบขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์ในแต่ละอัน ท่ามกลางเปลือกหอยมีศิลาซึ่งสูง 70-80 ฟุตส่องแสงกระพริบอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งอยู่

จบ บทที่ 1 – เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง

โปรดติดตามตอนต่อไป The Portal of Wonderland บทที่ 2 - ไข่มุก ของขวัญจากสาวน้อยที่อยู่ในเปลือกหอย

The Portal of Wonderland อารัมภบท


ประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์ [The Portal of Wonderland]


สถานะ จีน 1036 ตอน อิ้ง 47 ตอน 8/6/17

ผู้แต่ง Wang Yu

ผู้แปลอิ้ง Novel Saga

อารัมภบท

*****************

แปลโดย Dogdata

*****************

ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล แสงสีทองอร่ามกำลังเดินทางอย่างช้าๆในพื้นที่มืดมิด ภายในส่วนลึกได้ยินเสียงโหยหวนอันน่าสะอิดสะเอียนเบาๆออกมาเป็นครั้งคราว เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงร้องไห้เสียใจหรือเสียงปีศาจร้ายหัวเราะกันแน่

หลังจากนั้นไม่รู้กี่ปี มีดาวเคราห์สีน้ำเงินอันมหึมาปรากฏตรงหน้าของมัน

"บูมมมมม!" เกิดเสียงอันก้องกังวานดังขั้น

แสงสีทองอันวาววับถูกแรงดึงดูดโดยดาวเคราะห์ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เมื่อถึงชั้นบรรยากาศของโลกแสงเริ่มลุกโชนขึ้นและแรงเสียดสีทำให้วัตถุกลายเป็นดาวตกที่สว่างไสวเมื่อมันลงมาจากฟากฟ้ามุ่งสู่ทะเล

.....................

ปีที่ 9 ของยุคเทียนหยวน ในราชอาณาจักรสวรรค์ดาฉี มีวัตถุที่ไม่รู้จักซึ่งปรากฏเฉกเช่นดวงดาวแห่งสวรรค์อันร้ายกาจตกลงไปในทะเลตะวันออกจากท้องฟ้า โดยตามรายงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หมู่เกาะ 23 เกาะถูกปกคลุมด้วยคลื่นสึนามิจนไปถึงยอดเขาอันเนื่องมาจากวัตถุที่ไม่รู้จัก คลื่นลูกต่อๆมาได้รายงานว่าทำลายบ้านเรือนบนพื้นที่ชายทะเลไปกว่า 10,000 หลังในเมืองหยู ทำให้ประชากรและสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตจำนวนมาก

--สมุดบันทึกเหตุการณ์ประจำปีของดงโจว[1]--

โน๊ต
[1] นี่คือชื่อของหนังสือประวัติศาสตร์ที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นของพื้นที่ดงโจว ปล.ผู้เขียนไม่ได้ระบุ

ติดตามตอนต่อไป บทที่ 1 - เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านของชาวประมง


Ancient Strengthening Technique: Chapter 0059

Ancient Strengthening Technique: Chapter 0059



Ancient Strengthening Technique: Chapter 0059

ชิงสุ่ยฝันหวาน

ฝากกด like ติดตามเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/Dogdatachill




*****************



*****************

AST 0059 ชิงสุ่ยฝันหวาน

ชิงสุ่ย อยู่ในดินแดน หยกม่วงอัมตะจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนที่จะโดนถูกขับออกมา ด้วยการที่มันเป็นสมบัติที่หาได้ยาก เขาจึงไม่ต้องการเสียผลประโยชน์จากมันแม้แต่นาทีเดียว


ไม่กี่วันผ่านมา ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากผู้เยาว์ชนชั้นสูงของเมืองร้อยไมล์ ซึ่งทำให้ ชิงสุ่ย แปลกใจมากแม้จะคิดว่ามันแปลก แต่เขาก็ไม่คิดที่จะสูญเสียเหตุผลในการฝึกฝน เขาใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการเพาะปลูกและเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจิตวิญญาณต่างๆที่เขาได้ปลูกไว้ใน ดินแดนหยกม่วงอัมตะ


ตอนนี้พื้นที่ของเขาเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรนานาพันธุ์ มีสีเขียวสีเหลืองสีแดงและสีอื่นๆแตกต่างกันไป ดูแล้วคล้ายกับสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามภายในดินแดนหยกม่วงอัมตะ


สมุนไพรจิตวิญญาณไม่ได้เป็นเพียงพืชที่ได้รับผลต่อการขยายตัวของเวลาที่ช่วยในการเติบโต แต่มันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ จากการคาดเดาของ ชิงสุ่ย นอกจากการขยายตัวของเวลาแล้วบ่อน้ำคริสตัลที่เต็มไปด้วยปราณก็มีผลกระทบที่ดีต่อสมุนไพร


จากความรู้ที่เขาได้รับจากสวนร้อยสมุนไพร จะมีสมุนไพรบางอย่างที่แห้งเหี่ยวและตายไป อย่างไรก็ตาม สมุนไพรที่ปลูกไว้ดินแดนนี้กลับเต็มไปด้วยพลังปราณและดูเหมือนจะไม่มีทางเหี่ยวและตายไป


ชิงสุ่ย รู้สึกสุขใจ เขามีกำลังใจเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นการเจริญเติมโตของสมุนไพรและภูมิปัญญาของเขา  เขามีสิ่งที่ให้พึ่งพาเหมือนกับเหล่าลูกชนชั้นสูงพึ่งพาทรัพยากรของตระกูล


อันที่จริงแล้วทรัพยากรมากมายพวกนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี ภายด้านในครบ 10 ปี หมายถึงเวลาด้านนอก 1000ปี สมุนไพรจิตวิญญาณก็จะมีอายุ 1000ปี แล้วใครล่ะที่จะสามารถผลิตสมุนไพรเหล่านี้ได้จำนวนมาก แค่คิดก็ทำให้ ชิงสุ่ย เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด


เขาไม่ควรนับไก่ก่อนไข่จะฟัก เขาส่ายหัวเพื่อขจัดความคิด ชิงสุ่ย ไปตรวจสอบก้านไม่สีดำที่เขาได้ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ พบว่าไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เขาตัดสินใจรดน้ำแล้วทิ้งไว้ในดินต่อไป ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าก้านไม้สีดำหรือรากไม้นี้จะสามารถงอกและเติบโตได้หรือไม่


กิจการของร้านขายสมุนไพรตระกูลชิงค่อนข้างเชื่องช้าและไม่ยุ่งยาก ลูกค้าส่วนใหญ่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักปรุงยาและร้านขายสมุนไพรจิตวิญญาณของเมืองร้อยไมล์ซึ่งเจ้าของร้านจะมาซื้อส่วนผสม


นอกจากนั้นแล้วยังมีประชาชนจากเมืองร้อยไมล์ที่เจ็บป่วยและขอความช่วยเหลือจากหมอ และยังมีลูกค้าที่ต้องการซื้อสมุนไพรหายากที่ไม่สามารถหาได้ตามร้านขายยาหรือร้านขายสมุนไพรอื่นๆอีกด้วย


นอกเหนือจากการขายสมุนไพรจิตวิญญาณ ร้านขายสมุนไพรตระกูลชิงยังได้สร้างอุปทานโดยการปลูกสมุนไพรเป็นของตัวเองและยังรับสมุนไพรจากที่อื่นด้วยเช่นกัน ส่วนหนึ่งของอุปทานของพวกเขามาจากสมุนไพรที่รวบรวมด้วยตัวเองตามภูเขา แน่นอนว่าการรับซื้อสมุนไพรจะราคาต่ำกว่าราคาขายอย่างมากเนื่องจากเขาต้องแปรรูปก่อนจะขายออก


อีกอย่างร้านขายสมุนไพรตระกูลชิงยังมีข้อตกลงกับ เมืองบ่อน้ำสววรค์ เขามักจะซื้อสมุนไพรหายากที่ไม่มีใน เมืองบ่อน้ำสวรรค์  โดยการแลกเปลี่ยนสมุนไพรที่หายากที่ไม่มีในเมืองร้อยไมล์ ซึ่งเป็นการค้าที่เหมาะสม


พูดถึง เมืองบ่อน้ำสววรค์ ชิงสุ่ยได้รับตักเตือนจาก เหลียน เย่เออ ว่าลูกพี่ลูกน้องเขา ชิง ฮู หื่นกระหายอย่างที่สุด แม้ว่า เหลียน เย่เออ จะสมบูรณ์แบบในรุ่นของเธอ ซึ่งมีรูปร่างสมกับเป็นผู้หญิงและมีเสน่ห์ เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะรู้สึกว่าเธอคงไม่คิดอะไร


ชิงสุ่ย ไม่คิดว่าเธอจะเป็นตัวปัญหา


เหตุผลที่ตระกูชิงสามารถทำข้อตกลงการค้ากับ เมืองบ่อน้ำสวรรค์ ซึ่งมีขนาดใหญ่และร่ำรวยกว่า เมืองร้อยไมล์ ได้นั้น เพราะ ตระกูลชิง มีความใกล้ชิดกับ ตระกูล หัว จาก เมืองบ่อน้ำสวรรค์


หัวหน้าตระกูล หัว ถูก ชิง หลัว ช่วยชีวิต ความสัมพันธุ์ของพวกเขาใกล้ชิกกันมากจนตัดสินใจเป็นพี่น้องร่วมสาบาน หลังจากนั้นพวกเขาก็ถามเกี่ยวกับที่มาของกันและกันและรู้ว่า คนนึงมาจาก เมืองบ่อน่ำสวรรค์ อีกคนมาจาก หมู่บ้านชิง


ชิง หลัว พบว่าพี่น้องร่วมสาบานของเขา ซุยหยุน มาจากตระกูล หัว ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดใน เมืองบ่อน้ำสวรรค์ และยังเป็นผู้นำตระกูล หัว คนปัจจุบัน


แม้ว่าตระกูล หัว จะได้รับการพิจารณาให้เป็นตระกูลที่ทรงพลังใน เมืองบ่อน้ำสวรรค์ แต่ก็ยังคงมีตระกูลอื่น ๆ ที่มีสถานะและอำนาจสูงกว่า ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่า เมืองร้อยไมล์ จะสามารถเทียบได้



ชิงสุ่ย ได้ยิน ชิงอี้ พูดเมื่อเร็วๆนี้ว่า ผู้นำตระกูล หัว หัว ซุยหยุน ได้พยายามทะลวงระดับพลังไปยัง ดินแดน ปราณเทวะเซียนเทียน เพื่อยกระดับตระกูล หัว ในเมืองบ่อน้ำสวรรค์ ย้อนไปแต่ก่อนระดับพลังของเขาเท่ากับ ชิงหลัว แต่ตอนนี้เริ่มเห็นความแตกต่าง

เซียนเทียน และ โฮ่วเทียน มีความต่างกันราวกับคนละโลก ชิงหลัว อยู่ในระดับจุดสูงของ ดินแดน ปราณบัญชาสวรรค์ ระดับ 10 หรือ โฮ่วเทียน ตราบใดที่เขาสามารถก้าวเข้าไปใน ดินแดน เซียนเทียน ได้ล่ะก็เขาจะเป็นจากนอกกระจอกเป็นนกฟินิกซ์ทันที เป็นที่น่าเสียดายทั่วทั้งโลกเก้าทวีปมีคนมากมายมีระดับการบ่มเพาะเช่นเดียวกับ ชิงหลัว การเลื่อนระดับมันไม่ง่าย ความเป็นไปได้ที่จะสามารถก้าวไปยังดินแดน เซียนเทียน นั้นมีแค่ 1 ใน 10,000 ส่วน


นับตั้งแต่ หัว ซุยหยุน ล้มเหลวในการก้าวเข้าสู่ดินแดน เซียนเทียน เขาก็ให้ลูกชายของเขาเป็นผู้นำครอบครัว เขาย้ำเสมอว่าถ้า ตระกูลชิง ต้องการความช่วยเหลือ ตระกูลหัว ต้องช่วยอย่างถึงที่สุด และข้อตกลงการค้าเงินส่วนใหญ่จะไหลเข้าสู่ตระกูลชิง


ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลนั้นใกล้ชิดกันมาก หัว ซุยหยุน ได้ดูแล ชิงอี้ เสมือนลูกสาวเขามานาน ดังนั้นการติดต่อการค้าระหว่างตระกูลชิงกับตระกูลหัวจึงได้รับการจัดการโดย ชิงอี้


“ท่านแม่ ในอนาคตเมื่อท่านไปเยื่ยมเยียน เมืองบ่อน้ำสวรรค์ ท่านสามารถพาข้าไปด้วยหรือไม่ ข้าอยากไปเห็นสถานที่ต่างๆของเมืองบ่อน้ำสวรรค์” ชิงสุ่ย พูดออกมาหลังจากรู้รายละเอียดความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว


“แม่จะแนะนำเจ้ากับท่านปู่ให้” ชิงอี้ยิ้มตอบ


“ใช่แล้วตอนนี้สมุนไพรชุดล่าสุดที่มาจากเมืองบ่อน้ำสวรรค์ สมุนไพรจิตวิญญาณชนิดนี้เป็นอย่างไร” ชิงสุ่ยกำลังสั่นด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเขาจะรู้คำตอบ แต่ก็อยากถามเพื่อยืนยันข้อมูล


“นี่คือดอกไม่สี่กลีบ สมุนไพรจิตวิญญาณชนิดนี้เติมโตขึ้นเฉพาะหุบเขาสวรรค์บนแม่น้ำ ของเมืองบ่อน้ำสวรรค์เท่านั้น แม้ว่าจะดูธรรมดาแต่ประสิทธิภาพและประโยชน์กลับไม่ธรรมดาเลย นี่เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญในการทำยาครอบจักรวาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงและในเมืองร้อยไมล์มีเพียงตระกูลชิงเท่านั้นที่มีสมุนไพรนี้”


“ตามคาดนั่นคือดอกไม้สี่กลีบ ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นมากราวกับพบกับเพื่อนเก่า” ชิงสุ่ย จับดอกไม้ในมือตรวจสอบอย่างใกล้ชิด


“ดอกไม้สี่กลีบ เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่อยู่ในเกม เวสเทิร์นแฟนตาซี ที่ ชิงสุ่ยเคยเล่นเมื่อย้อนกับไปในโลกก่อนหน้า คิดว่านี่คงเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าในเมืองร้อยไมล์ อยากไรก็ตามเขาไม่รู้ว่า ดอกไม่สี่กลีบ จัดอยู่ในระดับใด เขารู้แค่ว่าสมุนไพรจิตวิญญาณจัดอยู่ในระดับที่ 3 และมีเพียงนักปรุงยาเท่านั้นที่สามารถผสมยาได้”


ชิงอี้ จะไปเยี่ยมเยียนเมืองบ่อน้ำสวรรค์ปีละ 2 ครั้ง การเดินทางทุกครั้งใช่เวลาอย่างน้อย 1 เดือน การเยี่ยมเยียนครั้งแรกคือช่วงต้นปีและครั้งที่สองคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง ชิงอี้ เพิ่งกลับมาจากการเยี่ยมเยียน เมืองบ่อน้ำสวรรค์ ครั้งต่อไปก็อีกประมาณครึ่งปี


“ท่านแม่ รู้หรือเปล่าว่าชนเผ่าใดแข็งแกร่งที่สุดในเมืองร้อยไมล์” ชิงสุ่ย ถามในขณะที่ ชิงอี้ เก็บชุดสมุนไพรจิตวิญญาณจากเมืองบ่อน้ำสวรรค์


“ชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด คือ ตระกูลสือ ตระกูลซือตู ตระกูลอวี้ ตระกูลดิง แต่สำหรับนักรบในตำนานที่อยู่ในดินแดน เซียนเทียน ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด มีไม่กี่คนที่อยู่ในระดับ เซียนเทียน เหล่านี้ยินดีที่จะอยู่ในเมืองเล็กๆเช่นนี้ เมืองขนาดใหญ่จะได้รับผลประโยชน์และทรัพยากรที่ดีกว่าดึงดูดให้นักรบดินแดน ปราณเซียนเทียน ให้เข้าร่วมกับเขา” ชิงอี้ อธิบายอย่างช้าๆ


“เจ้าของโรงเตี้ยม อวี้เหอ คนที่เจ้าเคยพบมาก่อนก็อยู่ในตระกูล อวี้” ชิงอี้ หัวเราะพร้อมกล่าวขณะที่จำได้ว่า อวี้เหอ ได้อยอกล้อ ชิงสุ่ย


“โอ้” ไม่คาดคิดว่าจะเป็นหญิงสาวที่เคยล้อเลียนเขามาก่อน ร่างของเธอดูสมส่วนหน้าออกกลมไม่ใหญ่เกินไป รูปร่างที่เรียวเล็กเหมาะสำหรับการกอดทั้งกลางวันกลางคืน ใบหน้าที่มีนัยยะเล็กน้อยกระตุ้นความรู้สึกได้เป็นอย่างมาก


สือชิงจวง เยือกเย็นและโดดเดี่ยวขณะที่ อวี้เหอ สง่างามและเจ้าอารมณ์ หนึ่งคือเจ้าหญิงน้ำแข็ง และอีกหนึ่งคือลูกแมวแสนซน


ต้องใช้เวลา 100 ปีที่ชะตากรรมจะทำให้พบพานในขณะใช้ที่ 1000 ปีเพื่ออยู่ร่วมชายคาเดียวกัน หึๆๆ การพบกับข้านั้นเท่ากันว่าพวกเรามีชะตาต้องกันนับพันๆปี ทั้งสองคนไม่ควรที่จะคิดหนีข้าไป ชิงสุ่ยถูกจมูกเขาในขณะกำลังคิดเกี่ยวกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงทั้ง 2 สาวทุกคืนทำให้หัวใจของเขาเดือดพล่าน



ชิงอี้ ยืนอยู่ข้างๆเธอสับสนกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในการแสดงออกของ ชิงสุ่ย ในขณะที่เธอรู้สึกว่าเธอต้องการปลุกลูกชายของเธอให้ตื่นจากฝัน



จบตอน 59***

Ancient Strengthening Technique: Chapter 0058


Ancient Strengthening Technique: Chapter 0058





Ancient Strengthening Technique: Chapter 0058

ความลับของ ซือตู หลวน

ฝากกด like ติดตามเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/Dogdatachill




*****************



*****************

Ancient Strengthening Technique  0058 ความลับของ ซือตู หลวน



“ชิงสุ่ย รูปแบบดาบที่เจ้าใช้จัดการ สือตู ปู้ฝานกับพักพวก คือ เทคนิค พื้นฐานแห่งดาบ <Basic Sword Techniques> ใช่หรือไม่”


ชิงอี้ เต็มไปด้วยความสุขและประหลาดใจขณะที่สอบถาม หลังจากทุกอย่างผ่านไป ชิงอี้ คุ้นเคยกับกลุ่มผู้เยาว์ที่ได้พ่ายแพ้ให้กับ ชิงสุ่ย และรู้ถึงระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา ช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกภูมิใจ เป็นช่วงเวลาที่มารดา ภาคภูมิใจในความ รุ่งโรจน์ ของลูกๆ อย่างแท้จริง นี่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่สุดในชีวิตของเธอ


“ถูกต้อง ท่านไม่จะควรดูถูกมัน เทคนิคพื้นฐานแห่งดาบ มีบางอย่างซ่อนอยู่ในรากฐาน มันจะทำให้ท่านเข้าใจในเรื่องของดาบอย่างลึกซึ้ง” ชิงสุ่ย ตอบอย่างจริงจัง


“ชิงสุ่ย เจ้าทำได้ยังไง? ในบรรดาพวกนั้นมี สือจงเหยา ซึ่งข้าเองก็รู้จักเป็นการส่วนตัว ความแข็งแกร่งของเขาแทบจะดูถูกไม่ได้เลย” ลุง 3 ขมวดคิ้วขณะถาม


“อันที่จริง มันก็ไม่ใช่ความลับอะไร พวกท่านรู้จักรูปแบบต่างๆที่ระบุใน เทคนิค พื้นฐานแห่งดาบ ใช่มั้ย ทุกรูปแบบจะเป็นการ ทะลวง และ รวดเร็ว ข้าฝึกแบบนั้นมาหลายร้อยล้านครั้งจนได้ตรัสรู้บางอย่างเกี่ยวกับ “สัจธรรม” ของดาบข้าเชื่อว่าถ้าคนอื่นๆได้รับการฝึกแบบเดียวกับข้า ก็สามารถเข้าใจเกี่ยวกับ “สัจธรรม” นี้เช่นเดียวกัน” ชิงสุ่ย รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มันไม่ใช่ว่าจะมีคนจำนวนมากที่สามารถจะขยายเวลาได้เหมือนเขา


ทุกคนรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ ชิงสุ่ย กล่าวไว้ ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการขัดเกลาทักษะดาบของเขานี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ อย่างไรก็ตาม เทคนิคดาบที่เรียบง่ายอาจมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่ภายในถ้าพวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก ต้องแลกด้วยอะไร ต้องมีอำนาจจิตเท่าไหร่ที่ผู้ใช้ดาบต้องการ สายตาของทุกคนมองไปยัง ชิงสุ่ย ด้วยความเคารพและยกย่อง


รอยยิ้มที่เปล่งประกายผุดขึ้นมาบนใบหน้า ชิงอี้ ขณะที่เธอขยี้ผมของ ชิงสุ่ย และมีอารมณ์ที่ซับซ้อนเกิดขึ้นในใจ เธอรู้สึกว่า ชิวสุ่ย กำลังเติบโตขึ้นอย่างลึกลับ ความประหลาดใจที่ ชิงสุ่ย มอบให้เธอนั้นเกินความคาดหมายทั้งหมดของเธอ ช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกประทับใจกับชายชราโบราณผู้สอน ชิงสุ่ย


----------------------


ห้องพักหรูหราแห่งหนึ่งในเมืองร้อยไมล์


ชายที่แข็งแกร่งแต่งตัวหรูหรากำลังเอนกายอยู่บนเตียงที่แสนสบาย ขณะที่ข้างๆเขามีหญิงสาวสวมผ้าเช็ดตัวกำลังนวดให้กับชายหนุ่ม


ผู้หญิงคนนี้มีผมสีดำยาวและมีผิวสีขาวนวลเอวของเธองดงามและมีเสน่ห์ หูของเธอมีขนาดเล็กและโค้งเล็กน้อยทำให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น


เมื่อเวลาผ่านไปได้ยินกรีดร้องดังขึ้น ผ่านไปไม่นานก็เหลือเพียงความเงียบเท่านั้น ชายคนนั้นยิ้มอย่างเยือกเย็นขณะที่เขาขยับตัวและออกจากห้อง <น่าจะโดนฆ่า ไม่ได้โดนเอา>


ชายคนนั้นเดินตามทางเดินด้านนอกห้องขณะที่เขาเดินลงบันได นี่เป็นลานหรูหราที่เป็นอิสระ เจ้าของดูเหมือนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากในการออกแบบ พรมแดงถูกวางไว้ทุกที่จากทางเดินไปยังห้องโถงใหญ่ และดูเหมือนจะเหมาะสำหรับจะเป็นที่อาศัยของภรรยาลับ


ขณะที่ชายคนนั้นเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เขาได้เผยภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความงดงามและหล่อเหลา เพื่อแสดงความมั่นใจสูงสุด แต่ในใจกลับเจ็บปวดและทุกทน ชายทุกคนในห้องโถงใหญ่ลุกขึ้นยืนและทักทายเขาขณะที่เดินผ่านหน้าชายคนนั้น


"พี่ชาย หลวน ยังคงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา" ชายหนุ่มที่ดูผอมและอ่อนแอเริ่มพูดขณะที่เขายกนิ้วให้กับชายชื่อ หลวน


ชายที่ชื่อ หลวน เป็นคนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแจ่มใส รอยยิ้มนี้เป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจ


ชายที่ชื่อ หลวน นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ซือตู หลวน จากตระกูล ซือตู ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ เขาดูเหมือนจะสบายใจในขณะที่กำลังขำขันและหัวเราะกับวงดนตรีของเขา แต่หัวใจของเขากลับมืดมัวเมื่อได้ยินคำชมเชย


“พี่ชาย หลวน ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านชิง ได้ท้าทาย น้องชายของท่าน และ สือชงเหยา ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับเสือดำและหมีป่ารวมกันเลยทีเดียว


“ดิง ฉิน น้องชายเจ้า ดิง เค่อ อยู่ในเหล่าคนที่พ่ายแพ้หรือไม่” ซือตู หลวน นั่งลงและที่เหลือก็นั่งตาม จากนั้นหญิงก็มาเสริฟชาอย่ารวดเร็ว


ถ้วยชาทำจากทรายม่วง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตระกูล ซือตู คนกลุ่มที่รวมตัวกันเหล่านี้เป็นลูกหลานคนร่ำรวยหรือลูกศิษย์จากตระกูลใหญ่ อาหารที่เขาทานทุกมื้อนั้นล้วนแต่ราคาแพงและอร่อย


“ฮะๆ” ดิง ฉิน หัวเราะอย่างอายๆ


“ดิง ฉิน ข้ารู้จักเจ้าดี อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการให้ ดิง หลาง ประสบความสำเร็จในตระกูล ดิง และขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล แล้วเจ้าที่เป็นบุตรคนโตล่ะ เจ้ายังคงสามารถสร้างเรื่องให้ ดิง หลาง เสียชื่อเสียงและบังคับให้เขาออกจากตระกูล ดิง ได้” แม้ว่า ดิง ฉิน จะมองดูตรงไปตรงมาก็ตาม แต่ ซือตู หลวน รู้ดีว่าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความโง่ นั้นเป็นคนไร้ความปรานีและเลือดเย็น


“ยังไม่ถึงเวลา รอซักเดี๋ยว เมื่อเวลานั้นมาถึงคงต้องรบกวนพี่ชายแล้ว” ดิง ฉิน หัวเราะ



นับตั้งแต่ ซือตู หลวน ได้รับบาดเจ็บส่วนล่างของร่างกายในระหว่างการบ่มเพราะพลังของเขา เขาพยายามหาวิธีรักษาและแสวงหาหมอมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ความหวังของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ว่าผู้หญิงที่มีสเน่ห์ขนาดไหนก็ไม่ทำให้เขาดีขึ้น ภายใต้ความโกรธเขาฆ่าหมอทั้งหมดที่รู้ความลับทิ้ง เหลือแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ความลับนี้

หลังจากนั้น เขาใช้ความพยายามทั้งหมดเจาะจงไปที่การบ่มเพาะ แต่แฟนเก่าของเขารู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการใช้วิธีลวงเพื่อล่อลวงเธอ โดยขู่ว่าจะฆ่าครอบครัวของเธอทั้งหมด ไม่มีทางเลือก แฟนเก่าของเขาต้องทำตามเท่านั้น ไม่งั้นทุกคนจะตายหมด


“ดิง หลาง รู้เรื่องนี้หรือไม่” ซือตู หลวน ถามขณะหันไปมอง ดิงฉิน


“เขารู้ แต่เขาไม่ได้สนใจ เขาจะไปสนใจเรื่องของคนอื่นได้อย่างไร” ดิง ฉิน พูดด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน


“หืม เพื่อนคนนี้เคยข้ามหัวข้าไปในอนาคตเมื่อเขาตาย ข้าเกรงว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งอะไรที่ฆ่าเขา” ซือตู หลวน อุทานออกมา


“นอกจากนั้นคนอื่นๆยังข้ามหัวพวกเราไป ดิง หลาง นั้นเป็นตัวแทนของเหล่ารุ่นเยาว์ในเมืองร้อยไมล์ เราไม่ควรทำอะไรในตอนนี้รอดูว่าเขาจะทนความอับอายได้นานแค่ไหน”


คนเหล่านี้ทุกคนเป็นสมาชิกตระกูลที่มั่งคั่งในเมืองร้อยไมล์ ดิง ฉิน มาจากตระกูลดิง แรงจูงใจของเขาที่ตีสนิทกับ ซือตู หลวน เพียงเพี่อให้ ซือตู หลวน ช่วยเขากำจัด ดิง หลาง


------------------------


ชิงสุ่ย ซึ่งอยู่ในร้านขายสมุนไพรกำลังยุ่งอยู่กับกิจการของตนเอง เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับกลุ่มที่เขาได้เอาชนะไปเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่พวกนั้นไม่มาสร้างปัญหาให้กับเขา เขาก็จะไม่ทำอะไร แต่ถ้าพวกเขาต้องการที่จะยุ่ง เขาก็จะไม่ใจดีเพราะเขานั้นไม่ใช่พระเยซู


ในช่วงเวลากลางคืน ชิงสุ่ย เข้าไปในดินแดน หยกม่วงอัมตะ เขาคิดถึงสมบัติ 2 ชิ้นที่เขาได้ซื้อมาเข้าต้องการที่จะศึกษามันก่อนจะดึงกิ่งไม้สีดำออกมาเพื่อศึกษา แม้จะสังเกตุเกือบครึ่งวัน เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจปลูกมันข้างๆ ต้นเสริมพลัง ก่อนจะเทน้ำจากบ่อน้ำคริสตัลลงไป


สำหรับ เหล็กแห่งแก่นแท้ เขาวางบนดินที่เปียกน้ำใกล้ๆบ่อน้ำคริสตัล ในขณะที่เขานั่งลงเตรียมตัวบ่มเพาะพลัง นอกจากความขยันหมั่นเพียรที่อดทนฟันฝ่าจากความล้มเหลวใครการโคจรลมปราณให้ผ่านรอบที่ 49 ชิงสุ่ย ใช้เวลาหลังจากโคจรปราณล้มเหลวฝึกฝน หมัดอสูรสันโดด อย่างต่อเนื่อง และฝึกฝนวิชาดาบจาก เทคนิคดาบพื้นฐาน


ชิงสุ่ย หวังว่า เขาจะสามารถก้าวเข้าสู้ ระดับ สวรรค์ขั้น 4 ของเทคนิคเสริมสร้างความแข็งแกร่งโบราณ



จบตอน 58*****

Ancient Strengthening Technique: Chapter 0057

Ancient Strengthening Technique: Chapter 0057





Ancient Strengthening Technique: Chapter 0057

ทักษะการจีบสาวของ ชิงสุ่ย

ฝากกด like ติดตามเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/Dogdatachill




*****************



*****************

Ancient Strengthening Technique  0057 ทักษะการจีบสาวของ ชิงสุ่ย



ชิงสุ่ย สนุกสนานมากในขณะนี้เขามีชีวิตชีวาและหน้าด้านมากขึ้น ถ้าอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติเขาจะไม่กล้าพูดคำดังกล่าว


เมื่อได้ยินการพูดคุยที่ธรรมดาของ ชิงสุ่ย สือชิงจวง รู้สึกผิดปกติมาก เธอเป็นคนสุดท้องในหมู่ครอบครัวของเธอและเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียว เธอเป็นไข่มุกของตระกูล สือ และได้รับความรักและความเสน่หาตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้


เพราะธรรมชาติที่เย็นชาและห่างเหินของเธอในขณะที่ เด็ก ๆ รอบ ๆ ตัวเธอไม่เคยเรียกเธอว่าพี่สาวของมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเรียกว่าพี่สาวแม้ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเธอ แต่ผู้ชายคนนั้นก็อาจจะถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว! ความรู้สึกดังกล่าวเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเธอจริงๆ


“จะดีกว่าหากเจ้าหยุดพูด ข้าอาจจะแก้แค้นในสิ่งที่เจ้าทำกับพี่สองของข้าก็ได้” สือชิงจวง เริ่มขุ่นเคืองเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ใช้ประโยชน์จากวาจาของเธอ แต่แทนที่เธอจะโกรธเธอกลับรู้สึกอยากหัวเราะ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน


รอยยิ้มที่เกิดจากความลำบากใจของ สือชิงจวง ทำให้ ชิงสุ่ย รู้สึกราวกับโดนกระแสไฟฟ้าดูด และจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในความทรงจำ ด้วยความเงียบเขายังคงหลบซ่อนการชำเลืองมองไปที่ สือชิงจวง ความงามที่เย็นชาของเธอเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจอย่างมาก ชิงสุ่ย ไม่แน่ใจว่าจะเป็นความเหินห่างที่เป็นธรรมชาติของเธอ ทำให้ สือชิงจวง นั้นดูน่าสนใจเพราะทุกคนต้องการสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถหาได้


“แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้าจะเพียงพอที่จะเอาชนะกลุ่มต้นแบบของผู้เยาว์เหล่านั้นได้ก่อนหน้านี้ แต่เจ้าต้องระวังการตอบโต้ในอนาคต สมาชิกของชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้เป็นหัวกระทิของการบ่มเพาะเอาชนะประชาชน เมืองร้อยไมล์ ในขณะเดียวกันมันเทียบเท่ากับการทำลาย "ใบหน้า" และความภาคภูมิใจพวกเขา ข้ากล้าบอกเลยว่าจะมีผู้ท้าทายหลายคนเข้ามาก่อปัญหาให้กับเจ้าเพื่อจะกู้ "หน้า" กลับมาอีกครั้ง”


หลังจากครุ่นคิด ชิงสุ่ย ก็ได้แต่ยอมรับว่านี่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน ถ้าในอนาคตมีคนต้องการมาท้าทายอย่างต้องเนื่องแล้วเขาจะมีเวลาทำอย่างอื่นหรืออย่างไร แม้ว่าก่อนหน้านี้เรื่องที่เกิดขึ้น ชิงสุ่ย จะไม่ได้คิดมาก แต่ว่าจริงๆแล้วเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย


“พี่สาว ท่านรู้ไหมท่ามกลางชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่รุ่นเยาว์ของเมืองร้อยไมล์มีการบ่มเพาะระดับใด” ชิงสุ่ย รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการกู้ “หน้า” พวกเขาต้องส่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์เพื่อมาท้าทายเขาซ่ำๆแน่ ถ้าเขารู้ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา อย่างน้อยเขาก็สามารถเตรียมตัวได้


“เจ้าช่างมองโลกในแง่ดีเจ้าพูดเหมือนกันว่าเจ้ามั่นใจเอามากๆ ยังไงก็ตามข้าต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าเกินความความคาดหมาย ดูแล้วเจ้าอายุยังน้อยข้าสงสัยว่าเจ้าฝึกแบบไหนกันถึงได้รับความแข็งแกร่งระดับนี้ สำหรับคำถามนั้นฝ่ายตรงข้ามที่เจ้าต้องระวังคือ ซือตู หลวน จากตระกูลซือตู และ ดิง หลาง จากตระกูล ดิง พวกเขาทั้ง 2 อยู่ในหมู่คนรุ่นที่ 3 และพวกเขามีอายุประมาณ 30 ปีและทั้งสองคนอยู่ในระดับ 2 และ 3 ของ บัญชาสวรรค์” สือชิงจวง ตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง


สือชิงจวง รู้สึกว่าจำนวนวครั้งที่เธอหัวเราะในวันนี้มากว่าในครั้งที่ผ่านมาในรอบ 1 ปีเธอไม่สามารถซ่อนความรู้สึกกับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอได้แม้เขาจะเป็นเพียงเด็กผู้ชาย



หลังจากได้รับข้อมูลจาก สือชิงจวง เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ต้องขอบคุณพระเจ้าที่การบ่นเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่น 3 ยังอยู่ในการคาดการณ์ของเขา อัจฉริยะรุ่น 2 ชิงเหอ ของตระกูลชิงก็มีระดับเดียวกับในช่วงยุค 30 ปีที่แล้วเช่นกัน ไม่รู้ว่าทำไม ชิงสุ่ย รู้สึกว่าตอนนี้เขามีความสามารถที่จะปะทะกับฝ่ายตรงข้ามที่มีระดับพลัง 2-3 บัญชาสวรรค์ได้

“ขอบคุณสำหรับข้อมูลของเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าควรยิ้มให้มากในอนาคต เจ้าเป็นเหมือนดอกกุหลาบที่ดูสดใสเมื่อเวลาเจ้ายิ้ม ไม่มีการพูดเกินจริงเมื่อข้าจะบอกว่าความงามของเจ้านั้นสามารถทำให้กษัตริย์สูญเสียอาณาจักรของเขาเพื่อเจ้าได้เลย” ชิงสุ่ย พูดหยอกล้อ ใบหน้าของ สือชิงจวง เป็นสีแดงและดูสดใสขึ้น


“เจ้าเด็กน้อย เจ้าต้องแพ้แน่” หลังจากที่เธอพูด สือชิงจวง ยื่นกำปั้นของเธอเคาะเบาๆที่ไหล่ของ ชิงสุ่ย ขณะที่เธอโกรธกึ่งเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแสดงท่าทางเหมือนเด็กผู้หญิง


ในขณะที่กำลังมีความสุข สือชิงจวง ทำให้เขาล้มลง โดยไม่รู้สึกเจ็บใดๆ ทั้งหมดที่เขาคิดได้คือ สือชิงจวง นั้นเขินอายและรอยยิ้มของเธอดูสดใส และทั้งหมดได้ฝังลงในจิตใจเขาเสียแล้ว มีผู้หญิงสองประเภทที่อาจทำให้ผู้ชายมีความสุข ประเภทแรกคือผู้หญิงที่มีความสวยงามที่เหลือเฟืออันน่าเหลือเชื่อที่สามารถโค่นล้มอาณาจักรได้ ประเภทที่สองคือผู้หญิงน่ารัก ความสวยที่มาจากความน่ารัก เห็นได้ว่า สือชิงจวง คือประเภทแรก ถ้าเธอทำตัวดีขึ้นนิดหน่อยคงไม่สงสัยเลยว่าจะทำให้ผู้ชายทั้งโลกเป็นบ้า


“ถึงอย่างนั้น ข้าก็โตแล้วไม่ใช่เด็กเพราะงั้นเจ้าต้องปฏิบัติกับข้าให้เหมือนเป็นผู้ใหญ่สิ” ความหนักแน่นที่ออกมาจากสายตาขณะที่เขาพูดกับ สือชิงจวง


มนุษย์ทุกคนในชีวิตของเขาอาจจะต้อง เกี้ยวพา ก่อนที่จะมี xxx กับอีกฝ่าย ประเด็นหลักก็คือจะต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรที่จะหยุด ถ้าทำมันเกินไปผู้หญิงอาจจะรู้สึกไม่ดีแล้วถูกผลักดันออกไป [มันจะโยงมาเรื่อง s*x ทำไมว่ะงงชิบ]


“เอาล่ะข้าต้อไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วยผู้ใหญ่ตัวน้อย” เสียงหัวเราะดังออกมาขณะที่ สือชิงจวง กำลังจากไป เสียงหัวเราะดังกล่าวคล้ายคลึงกับเสน่ห์ของปีศาจซึ่งหมุนเวียนอยู่รอบ ๆ สมองตลอดเวลาไม่สามารถกระจายไปได้


“สวยมาก ในอนาคตเจ้าต้องเป็นของข้า” ชิงสุ่ย ได้แต่เพียงคิด เขาไม่เคยต้องการอะไรมากนักมาก่อน ดังนั้นนี่คือสิ่งที่คนเรียกว่า "ความอยากได้" และ "ความต้องการ"


ความอยากได้และความต้องการมีหลายประเภท ได้แก่ ความร่ำรวย อำนาจ ผู้หญิง พวกเขาใช้มันเป็นแรงกระตุ้น แต่ถ้าคนหนึ่งถูกความปรารถนาควบคุมความพวกเขาก็จะมีจุดจบด้วยความน่าสมเพช


“ถ้าเจ้าว่าง เจ้าสามารถมาเยื่ยมข้าที่ร้านขายสมุนไพรตระกูลชิงได้ทุกเมื่อ ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขแน่นอน” ชิงสุ่ย ตะโกนตามหลัง สือชิงจวง แม้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาใช้เวลาอยู่กับเธอ เขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มากนักในชีวิตของเขา และไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะมาพบกันอีกครั้ง ดังนั้น ชิงสุ่ย ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ สือชิงจวง จากไปเช่นนี้


บางที สือชิงจวง อาจจะได้ยิงเสียงจากหัวใจ ชิงสุ่ย เธอพยักหน้าให้อย่าไม่คาดคิดก่อนที่จะจากไป  มุมมองด้านหลังที่สวยงามของเธออาจเทียบได้กับผีเสื้อที่กระพือปีกท่ามกลางดอกไม้


ลำดับต่อไปของเขา ชิงสุ่ย ติดสินใจกลับไปที่ร้านขายสมุนไพรตระกูลชิง โดยไม่รู้เลยว่าเวลานี้มันเที่ยงแล้ว ขณะที่เดินกลับไปที่ร้านเขาประหลาดใจที่พบว่า ชิงอี้ ลุงและป้าของเขา ชิงซาน และ ชิงสือ ทุกคนมองมาด้วยสายตาแปลกๆ


“ชิงสุ่ย รูปแบบดาบที่เจ้าใช้จัดการ สือตู ปู้ฝานกับพักพวก คือ เทคนิค พื้นฐานแห่งดาบ <Basic Sword Techniques> ใช่หรือไม่”



จบตอน 57 *******

ผักกาด

นิยายลงสัปดาห์ละ 1-2-3 ตอนแล้วแต่อารมณ์ผู้แปลส่วนกลุ่มลับก็มีอยู่แต่ยังไม่ให้คนเข้านะครับ สำหรับตอนที่ 1-49 สามารถอ่านได้ที่โรงงานนรกนะครับ http://www.hellfact.com/novel/ancient-strengthening-technique/

เพิ่มเติม

พอดีเพิ่งหัดทำ Blog ใครเก่งสอนหน่อย